รีเซต

ชุดลายพรางอ้างทหาร บุกอุ้ม 2 พี่น้องคาเถียงนา ยำมันส์ตีนดับ 1

ชุดลายพรางอ้างทหาร บุกอุ้ม 2 พี่น้องคาเถียงนา ยำมันส์ตีนดับ 1
77ข่าวเด็ด
18 เมษายน 2563 ( 10:07 )
126

นครพนม – ชุดลายพรางอ้างทหาร บุกอุ้ม 2 พี่น้องคาเถียงนา ยำมันส์ตีนดับ 1 อีกคนยังไม่รู้ชะตากรรม โร่ขึ้นโรงพักขอเคลียร์

วันที่ 18 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายนิวัฒน์ ซ้ายซา อายุ 59 ปี และ นางป่าน ซ้ายซา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 6 บ้านยางคำ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ว่า มีชายแต่งชุดลายพรางคล้ายทหาร ขับรถยนต์ปิกอัพเข้าไปควบคุมตัวลูกชาย 2 คน คือ นายยุทธนา ซ้ายซา หรือด่อน อายุ 33 ปี และ นายณัฐพงษ์ ซ้ายซา หรือแดง อายุ 29 ปี จากเถียงนาท้ายหมู่บ้าน โดยไม่ทราบว่าถูกนำตัวไปที่ไหน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 17 เมษายน คืนที่ผ่านมา

นายนิวัฒน์ฯผู้เป็นพ่อเปิดเผยว่า ตนเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านยางคำ มีลูกชายเพียงสองคน ต่อมาป่วยด้วยลิ้นหัวใจรั่ว ไม่สามารถทำงานหนักได้ จึงอาศัยลูกทั้งสองที่ยังไม่มีครอบครัวเป็นผู้หาเลี้ยง โดยประกอบอาชีพทำนา ทำสวนยางพารา 6 ไร่ และรับจ้างทั่วไป  ซึ่งลูกได้ปลูกเถียงนาน้อยไว้ในสวน ห่างจากหมู่บ้านแค่ 200 เมตร

นายนิวัฒน์ฯเล่าต่อว่า ค่ำของวันที่ 17 เมษายน เวลาประมาณ 19.00 น. นายแดงน้องชายได้เข้ามาเอาข้าวไปกินกับพี่ชายที่เถียงนา ต่อมามีเพื่อนบ้านโทรศัพท์มาบอกว่าที่สวนยางมีอะไร เพราะเห็นรถยนต์เปิดไฟหน้ารถสว่างจ้า และมีคนจำนวนหนึ่งบุกไปที่เถียงนาดังกล่าว และควบคุมตัวสองพี่น้องออกจากบริเวณนั้นไปแล้ว ตนจึงรีบไปดูพบเพียงข้าวของในเถียงถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย จึงกลับมาบอกนางป่านผู้เป็นภรรยา และได้โทรศัพท์เข้าเบอร์มือถือของลูกทั้งสอง ปรากฏว่ามีคนอื่นรับสายแล้วบอกว่าลูกชายทั้งคู่อยู่กับเจ้าหน้าที่ กำลังนำตัวไปสอบสวนเกี่ยวกับยาเสพติด หากไม่มีอะไรน่าสงสัยจะปล่อยตัวกลับเอง ตนและภรรยาจึงเข้านอนแต่ด้วยเป็นห่วงลูกจึงโทรศัพท์เข้าไปอีกที คราวนี้ติดแต่ไม่มีคนรับสาย โทรฯ​ ซ้ำอีกกว่า 10 ครั้งก็เหมือนเดิม

กระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 18 เมษายน ก็เป็นเบอร์โทรศัพท์ของลูกชายคนโตคือนายด่อน โทรเข้ามาโดยเสียงปลายสายบอกว่าให้ออกไปดูลูกชาย ไม่รู้เป็นอะไรขณะนี้นำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ตนทั้งสองจึงรีบออกไปยัง รพ.สมเด็จพระยุพราชฯ พบชายแต่งกายครึ่งท่อนสวมกางเกงลายพราง เสื้อยืดคอกลมสีดำ ตรงปรี่เข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้บอกว่า​ ”ผมขอโทษนะครับ” นางป่านจึงถามกลับไป  ”พวกคุณทำอะไรลูกฉัน ไม่ใช่ทำร้ายจนตายแล้วเหรอ” ชายดังกล่าวตอบยังไม่ตาย อยู่ในความดูแลของแพทย์ ตนจึงเข้าไปดูอาการพบนายด่อนนอนไม่ได้สติตาเหลือกค้าง มีบาดแผลคล้ายถูกทำร้ายที่หางคิ้วซ้าย โหนกแก้มปูดเขียวช้ำ หน้าอกก็เหมือนถูกตีด้วยของแข็ง ขณะที่แพทย์ พยาบาล ช่วยกันปั๊มหัวใจ ไม่นานแพทย์ก็บอกว่าขอแสดงความเสียใจด้วยลูกชายคุณตายแล้ว ตนและภรรยาถึงกับเข่าทรุด จากนั้นก็ถามชายชุดพรางต่อว่าแล้วลูกชายอีกคนอยู่ไหน ไม่ใช่ก็ถูกทำร้ายจนตายเหมือนกันพี่ชายมันหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่าไม่เป็นอะไร เมื่อขอให้พาไปดูหรือขอคุยโทรศัพท์กับลูกได้ไหม กลับได้รับการปฏิเสธจากชายลายพราง ตนจึงไม่รู้ชะตากรรมของลูกชายคนเล็กว่าเป็นอย่างไร

ต่อมาชายชุดพรางเดินเข้ามาหา พร้อมกับบอกว่าจะรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเกรงคดีนี้จะเงียบหายเพราะคู่กรณีเป็นข้าราชการ  จึงออกมาร้องเรียนกับสื่อเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกชาย เพราะเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งยอมรับว่าประมาณ 5-6 ปี ลูกชายทั้งสองถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) เข้าบำบัดและคุมประพฤติตามขั้นตอนจนครบ และเป็นเสาหลักของครอบครัว ขายยางพาราได้เท่าไหร่ก็จะมายื่นให้พ่อแม่ทั้งหมด จะขอติดกระเป๋าไม่เกิน 1 พันบาท การสูญเสียลูกชายคนโตไปก็เหมือนเสาเรือนหัก ส่วนลูกชายคนเล็กถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่หรือตาย

รุ่งเช้าของวันที่ 18 เมษายน สองสามีภรรยาก็ได้เดินทางไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.ธีระพงษ์ ท่าโทม รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธาตุพนม ไว้เป็นหลักฐาน โดยทางคู่กรณีได้ประสานขอเคลียร์โดยไม่ให้มีนักข่าวทราบเรื่องราวดังกล่าว ส่วนศพของนายยุทธนาหรือด่อนอยู่ในห้องดับจิต รพ.สมเด็จพระยุพราชฯ เพื่อรออัยการฯร่วมชันสูตรพลิกศพ และจะต้องส่งศพไปผ่าพิสูจน์ยังสถาบันนิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เพื่อชันสูตรว่านายด่อนเสียชีวิตจากสาเหตุใด

ต่อมา เวลาประมาณ 13.30 น. นายนิวัฒน์และนางป่านสองสามีภรรยา เดินทางมาพร้อมกับญาติที่ สภ.ธาตุพนม เพื่อเจรจากับคู่กรณี ที่มีผู้บังคับบัญชามาด้วย เบื้องต้นคู่กรณีรับดำเนินการจัดการเรื่องศพทุกอย่าง และทางผู้เสียหายขอรับเงินเยียวยา จำนวน 5 ล้านบาท แต่ยังไม่เป็นที่สรุปเพราะจะต้องเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงอีกทีหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีหน่วยงานความมั่นคงสังกัดหนึ่ง ได้เข้าไปขอใช้พื้นที่บางส่วนของวัดกัณตะศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม ซึ่งเป็นวัดป่าสายธรรมยุต มี หลวงปู่กินรี จันทิโย เป็นอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ที่เคยปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานร่วมกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นอกจากนี้ท่านยังเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

ภายหลังที่ขอใช้พื้นที่ ปรากฏว่ามีการเปิดเพลงเสียงดัง ต้มไก่ ต้มเป็ด ฯ ทำกับข้าวกินกันโดยไม่เกรงใจพระคุณเจ้า ที่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ไม่ได้ ชาวบ้านเคยแจ้งศูนย์วิทยุ 191 หลายครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ฯ​ ก็แนะนำให้ใจเย็นๆ และมีการตักเตือนไปหลายครั้งก็ไม่มีใครฟัง มีบางครั้งเหิมเกริมบุกไปตรวจค้นบ้านเรือนประชาชน โดยที่ภายในบ้านมีผู้หญิงสาวอยู่เพียงลำพังผู้เดียว หรือไม่ก็ไปหาเรื่องชกต่อยกับชาวบ้าน จนเป็นที่เอือมระอา โดยชาวบ้านเปรยๆไว้ว่าหากทนไม่ไหวก็จะรวมตัวกันขับไล่ เพราะสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หากไม่เชื่อฟังอาจจะเกิดอาเพศกับผู้ลบหลู่ได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง