หนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ ผล คน รัก ว่าด้วยเรื่องวิทยาศาสตร์ทางความรักว่าทำไมคนเราถึงมีพฤติกรรมแบบนั้นต่อคนรัก เป็นการเรียนรู้ถึงพฤติกรรมของคนในอีกรูปแบบหนึ่ง ภายใต้การตั้งสมมุติฐานของนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการวิจัยและทดลองอย่างต่อเนื่อง และตั้งข้อสังเกตมาอย่างยาวนาน หนังสือเล่มนี้เขียนโดย นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์ คุณหมอผู้มีประสบการณ์ในการเขียนหนังสือแนว Pop science หลายเล่มสิ่งที่ประทับใจภายในเล่มจากมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าการอกหักนั้น มีความเจ็บปวดของสมองบริเวณ Anterior Cingulate Cortex (ACC) ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บตัวหรือเจ็บใจ ผลสแกน fMRI ก็บอกตรงกันว่ามันจะกระตุ้นสมองส่วนเดียวกัน ให้ความเจ็บไม่ต่างกัน อกหักเป็นสัญญาณให้มนุษย์เจ็บปวดเพื่อให้มนุษย์พยายามอยู่ร่วมกับสังคมให้ได้ ไม่โดดเดี่ยวจากคนอื่นๆ ได้รับการยอมรับจากคนอื่นได้เรียนรู้ว่าคนตกหลุมรักกับคนเสพติดยา จะพบว่ามีสมองส่วน VTA หรือ Ventral Tegmental Area มีการทำงานมากกว่าปกติได้เรียนรู้ว่าวิธีการก้าวข้ามการอกหัก มี 3 วิธีที่น่าสนใจที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นมาแนะนำ1.อยู่ร่วมกับคนอื่นๆ การเก็บตัวจะทำให้รู้สึกถูกสังคมตัดขาด2.สร้างมุมมองที่ดีให้กับเหตุการณ์ร้ายๆที่ผ่านไปแล้ว3.ร้องไห้ เพื่อระบายความอัดอั้นของเราออกมา ฮอร์โมนความเครียดอย่าง Cortisol และ ACTH ก็จะระบายออกมากับน้ำตาของเราด้วยสำหรับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอย่างเราจะรับมือกับความยิ่งใหญ่ของจักรวาลได้ก็ด้วยความรักเท่านั้น - คาร์ล ซาแกนได้เรียนรู้ว่าระบบความสัมพันธ์ที่ลูกมีต่อแม่ในวัยเด็ก สามารถใช้กับคู่ครองของเราได้ด้วย เพื่อดูว่าเขาหรือเธอนั้นเป็นคนบุคลิกแบบไหน ซึ่งระบบความสัมพันธ์ที่ว่าแบ่งออกเป็น 3 ประเภท1.Avoidant เกิดจากการเลี้ยงดูด้วยความห่างเหินทางความรู้สึก2.Anxious เกิดจากการเลี้ยงดูแบบไม่ค่อยมีความมั่นคงเท่าไหร่ บางครั้งเขาก็ดูแลความรู้สึกเราได้ แต่บางครั้งเขาก็อาจเรียกร้องการดูแลจากเรา3.Secure เกิดจากการเลี้ยงดูแบบดูแลอารมณ์ความรู้สึกของเด็กได้อย่างเต็มที่ กลายเป็นคนที่มั่นคงและดูแลอารมณ์ความรู้สึกของคู่รักได้เช่นกันได้เรียนรู้ว่าระบบของการตกหลุมรัก มีการทำงานของสารเคมีในสมองอยู่ 3 ตัว1.Dopamine เป็นสารที่ทำให้คนเรามีความสุขกับสิ่งที่เรากำลังจดจ่อ ในที่นี้ก็คือคนรัก2.Norepinephrine เป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการที่เราจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับคนรักของเราได้3.Serotonin เป็นสารที่ทำให้เราเกิดอาการย้ำคิดย้ำทำ ในที่นี้ก็คือติดถึงแต่คนรักตลอด หรือเรียกอาการนี้ว่า"หลงรัก" นั่นเอง ได้เรียนรู้ว่าความสวยงาม ความหน้าตาดีในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ให้มุมมองและองค์ประกอบดังนี้1.ความสมมาตร (Symmetry) คือรูปหน้าครึ่งซ้ายและครึ่งขวาเหมือนและเท่ากันพอดี จากงานวิจัยพบว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดชอบความสมมาตรด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ใช่หน้าที่บิดเบี้ยวผิดรูปไปข้างหนึ่ง2.ความธรรมดา (Averageness) คือเป็นใบหน้าที่เป็นค่าเฉลี่ยของคนจำนวนมาก มักเป็นใบหน้าที่สวยในสายตาของคนทั่วไป วิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่าการที่มีใบหน้าใกล้เคียงกับคนอื่นนั้นบ่งบอกว่ามียีนพันธุกรรมที่เป็นปกติเฉกเช่นคนทั่วไป ไม่ได้มีความผิดปกติทางพันธุกรรมแต่อย่างใด3.หน้าแบบแมนๆ หรือหน้าแบบหวานๆ คือ ใบหน้าที่แยกออกทางกายภาพได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการแสดงลักษณะทางเพศออกมาอย่างชัดเจน สิ่งนี้ช่วยดึงดูดให้เพศตรงข้ามสนใจได้ถ้าใครอยากรู้อยากเข้าใจธรรมชาติของความรักอย่างเป็นเหตุเป็นผล หนังสือเล่มนี้มีคำตอบแล้ว แม้เรื่องของความรู้สึกจะเป็นสิ่งที่หาเหตุผลเชื่อมโยงได้ยาก แต่หนังสือเล่มนี้กลับถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ และเข้าใจง่ายอีกด้วย นี่ก็เป็นความประทับใจอีกประการหนึ่งสิ่งที่ครีเอเตอร์นำความรู้มาปรับใช้ในชีวิตได้คงจะเป็นความเข้าใจในพฤติกรรมของมนุษย์มากกว่าว่าทำไมเราถึงมีความรู้สึกแบบนั้น แสดงความรักออกไปแบบนี้ และมันมีพัฒนาการเพื่อเอาตัวรอดเกี่ยวข้องอยู่ด้วย สิ่งนี้มันทำให้เราเข้าใจตัวเองและเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้นดังนั้น นอกจากเราจะเข้าใจความรู้สึกความรักของตัวเองแล้ว เราก็จะได้ปรับตัวพฤติกรรมให้เหมาะสมภายใต้จารีตค่านิยมอันดี ไม่เห็นแก่ตัวทางความรักจนสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่นได้ครับหนังสือเล่มนี้จัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ ในราคาปกเพียง 195 บาทเท่านั้น สามารถหาซื้อได้แล้วครับเครดิตภาพภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย khosrork จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย tirachardz จาก freepik.comบทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ อยู่ด้วยกันเพราะอยากอยู่ ไม่ใช่จำเป็นต้องอยู่ (THE RULES OF LOVE)รีวิวหนังสือ แน่ใจแล้วหรือว่านี่คือความรักรีวิวหนังสือ ตอบปัญหาวิชาใจรีวิวหนังสือ จงรักในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองTrueID In-Trend แหล่งสร้างคอนเทนต์หารายได้เสริมช่วงโควิด-19เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !