ไม่ว่าใครก็อยากให้ชีวิตพบเจอแต่กับความสุข แต่ความสุขเป็นของไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนสลับกับความทุกข์ได้ ชีวิตคนเราจึงไม่อาจจะเจอแต่กับความสุขได้เพียงอย่างเดียว กระนั้น การที่จะทำให้ชีวิตมีหนทางที่จะพบเจอกับความสุขนั้น ในพระไตรปิฎกมีการระบุเนื้อหาเอาไว้อย่างไรบ้าง ณัฐพบธรรม ผู้เขียนหนังสือธรรมะระดับ Best Seller จะหยิบยกคำสอนในพระไตรปิฎกในเรื่องเกี่ยวกับความสุข..พร้อมตีความอย่างง่ายให้เราเข้าใจอย่างถูกต้อง ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับครีเอเตอร์ที่อ่านพระไตรปิฎกแล้วไม่เข้าใจความหมายดีพอ ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ ได้เรียนรู้ว่ายมกวรรคที่ 1 พระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-สุตตนิบาต ข้อ 11 เวลาที่มีใครมาด่าเรา ทำร้ายเรา ขโมยของเรา เอาชนะเรา แล้วเราไปโกรธอาฆาต ไปผูกเวรกับเขา ในชาติต่อๆไป ความอาฆาตนั้น ก็จะทำให้เราไปก่อเวรกับเขา และทำให้เขาอาฆาตและผูกเวรกับเรา และเป็นแบบนี้ไม่รู้จบ แต่ถ้าเราคิดว่า เขาทำเราก็เพราะเราเคยทำกรรมไม่ดีเอาไว้ เราจึงต้องรับกรรมแบบนี้ เมื่อคิดแบบนั้น แล้วไม่จองเวรกับเขา เวรกรรมที่ผูกเวรกันมา ก็จะถูกเราระงับลง เรากับเขาก็อาจจะไม่ได้พบเจอกันอีกต่อไป (เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร) ส่วนสิ่งไม่ดีที่เขาทำกับเรา เขาก็จะรับกรรมของเขาเอง โดยไม่เกี่ยวกับเราอีกต่อไป ได้เรียนรู้ว่าคาถาธรรมบท สหัสวรรคที่ 8 พระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาท-สุตตนิบาต ข้อ 18 คนที่มีศีล มีชีวิตเพียงวันเดียวประเสริฐกว่าคนไม่มีศีลที่อยู่เป็นร้อยปี ได้เรียนรู้ว่าคาถาธรรมบท พาลวรรคที่ 5 พระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาท-สุตตนิบาต ข้อ 15 ถ้าเราไม่เจอเพื่อนหรือคู่ครองที่ดีกว่าเรา หรือเทียบเท่าเรา..ก็อยู่คนเดียวดีกว่า ได้เรียนรู้ว่าพระไตรปิฎกเล่มที่ 10 พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อ 48 ทุกสิ่งในโลกนี้ เมื่อมีเกิดขึ้น ปรากฎขึ้น วันหนึ่งก็ต้องมีวันดับสลายไป เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา (เราควรทำใจและวางใจให้ถูก) ได้เรียนรู้ว่าพระไตรปิฎกเล่มที่ 29 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส ข้อ 351 คนที่ถือตัวว่าเราดีกว่าเขา ดีเท่าเขา หรือแย่กว่าเขา ก็จะทะเลาะกับคนอื่น เพราะความถือตัวนั้น ได้เรียนรู้ว่าคาถาธรรมบท โกธวรรคที่ 17 พระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-สุตตันนิบาต ข้อ 27 การนินทาหรือสรรเสริญมีมาแต่โบราณ ไม่ว่าคนที่พูดน้อย หรือคนที่พูดมาก หรือคนที่พูดกำลังดี ต่างก็ถูกนินทาทั้งสิ้น ไม่มีใครไม่ถูกนินทา ไม่มีใครที่ถูกนินทาเพียงอย่างเดียว และไม่มีใครได้รับการสรรเสริญเพียงอย่างเดียว (ทุกคนต้องถูกนินทา และได้รับการสรรเสริญ ฉะนั้น หากเรามั่นใจว่าทำดีแล้ว เมื่อถูกนินทาเราก็ไม่ควรรู้สึกแย่) ได้เรียนรู้ว่าอัยยิกาสูตรที่ 2 พระไตรปิฎกเล่มที่ 15 พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ข้อ 400 เราทุกคน (รวมสัตว์) มีความตายเป็นธรรมดา มีความตายเป็นที่สุด หลังจากนั้น เราจะเป็นไปตามกรรมที่เราทำ โดยคนที่ทำบาปก็จะตกนรก ส่วนใครทำบุญก็จะไปสวรรค์ ฉะนั้น เราควรจะทำกรรมที่ดี เพื่อจะได้ไปภพภูมิที่ดี ควรสั่งสมบุญเอาไว้ เพราะบุญจะเป็นที่พึ่งของเราในชาติต่อ ๆ ไป ได้เรียนรู้ว่าฐานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ข้อ 57 5 อย่างที่ทุกคนควรระลึกอยู่เสมอ คือ เราทุกคนต้องแก่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทุกคนต้องเจ็บป่วย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทุกคนต้องตาย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทุกคนต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรามีกรรมเป็นของตน หากเราทำกรรมดีหรือชั่ว เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ได้เรียนรู้ว่าโลกวิปัตติสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-นวกนิบาต ข้อ 96 ธรรม 8 อย่างนี้จะอยู่คู่กับโลก (ความไม่เที่ยง) อันได้แก่ ลาภ ความเสื่อมลาภ ยศ ความเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ โดยธรรม 8 อย่างนี้ จะเกิดขึ้นกับทุกคน แต่สำหรับผู้ที่เข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าจะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นแตกต่างจากผู้อื่น เมื่อ ลาภ ความเสื่อมลาภ ยศ ความเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ เกิดขึ้นกับคนทั่วไป เขาจะไม่ตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะครอบงำจิตใจของเขา ให้รู้สึกดีใจ (หลงระเริง) เมื่อมีลาภ มียศ มีคนสรรเสริญ มีสุข และจะถูกความทุกข์ครอบงำ เมื่อเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา พบเจอเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาย่อมไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ ส่วนผู้ที่เข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้า เมื่อ... ลาภ ความเสื่อมลาภ ยศ ความเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ เกิดขึ้น เขาจะตระหนักว่า สิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้จึงไม่ครอบงำจิตใจของเขาทำให้ไม่หลงระเริง เมื่อมีลาภ มียศ มีคนสรรเสริญ มีสุข และเมื่อเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา หรือพบเจอเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ เขาก็จะไม่ถูกความทุกข์ครอบงำ เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาย่อมพ้นทุกข์ได้ นี่คือความแตกต่าง ระหว่างผู้ที่เข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้ากับคนทั่วไป ธรรม 8 อย่างนี้ มีสภาพที่ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน ผู้มีปัญญามีสติแปรเปลี่ยนไปมาเป็นปกติย่อมเข้าใจในธรรมชาตินั้น และไม่ยินดียินร้ายต่อความแปรปรวนนั้น (ธรรม 8 อย่างนี้ มีสภาพที่ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน แปรเปลี่ยนไปมาเป็นปกติ ลาภและยศที่เรามี วันหนึ่งก็จะหมดไป คำสรรเสริญที่เราได้รับ วันหนึ่งอาจจะเปลี่ยนเป็นนินทา ความสุขที่มี วันหนึ่งก็จะเปลี่ยนเป็นทุกข์ ในทางตรงกันข้าม หากวันนี้เราพบเจอความเสื่อมลาภและความเสื่อมยศ วันหนึ่งมันก็อาจเปลี่ยนเป็นมีลาภ มียศได้ การถูกนินทาที่เราเจอ วันหนึ่งก็จะเปลี่ยนเป็นคำสรรเสริญ ความทุกข์ที่มีในวันนี้ วันหนึ่งก็จะเปลี่ยนเป็นความสุข เช่นกัน เราควรจะมีสติ ไม่ยินดีมากนัก ในเวลาที่สิ่งดีเกิดขึ้น และไม่ยินร้ายมากนัก ในเวลาที่สิ่งไม่ดีเกิดขึ้น เพราะในอนาคต มันก็มีโอกาสจะเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม) ได้เรียนรู้ว่าวิสาขาสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ สุตตนิบาต ข้อ 63 เมื่อปล่อยให้ขึ้นอยู่กับผู้อื่น หากเราปล่อยให้ผลประโยชน์ของเรา ขึ้นอยู่กับคนอื่น เราก็จะมีความทุกข์ เพราะความปรารถนานั้นอาจจะไม่สมหวัง เนื่องจากเขาอาจจะไม่ทำตามที่เราต้องการแล้วทำตามกิเลสตัณหาของเขา แต่ถ้าเรา เป็นผู้ควบคุมผลประโยชน์ของตัวเราเอง ด้วยตัวเอง เราก็จะมีความสุข ได้เรียนรู้ว่าปิยชาติกสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ 13 พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ข้อ 536 พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความทุกข์ความเศร้าย่อมเกิดเพราะของที่เรารัก แต่บางคนอาจจะไม่เชื่อ เพราะรู้สึกว่า คนที่เรารัก หรือของที่เรารัก น่าจะทำให้เรา มีความรู้สึกดีใจ มีความสุขเวลาที่คนที่เรารักตาย (เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง ลูก ของเราตาย) เราก็จะโศกเศร้า และเป็นทุกข์ จนแทบจะเป็นบ้า (ถ้าเราไม่มีคนที่เรารัก เราก็จะไม่เจอความทุกข์แบบนี้) เวลาเราถูกพลัดพรากจากคนที่เรารัก เช่น ญาติพี่น้องของเรา (หรือของอีกฝั่ง) ไม่ชอบคนที่เรารัก แล้วพยายามจะทำให้เรา แต่งงานกับคนที่เราไม่รัก ถ้าเรายอมเราก็เป็นทุกข์ ถ้าเราไม่ยอม เราก็เป็นทุกข์ ซึ่งบางคู่ก็อาจจะแก้ปัญหาแบบนี้ด้วยการยอมตายไปด้วยกัน (ถ้าเราไม่มีคนที่เรารัก เราก็จะไม่เจอความทุกข์แบบนี้) เช่นเดียวกันกับตอนที่คนที่เรารักพบเจอความทุกข์หรือตายไป หรือเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก หรือแม้แต่เกิดขึ้นกับของที่เรารัก เราก็เป็นทุกข์เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าความทุกข์ความเศร้า ย่อมเกิดเพราะคนที่เรารัก (หรือของที่เรารัก) จะเห็นว่าความสุขตามแนวทางของพระไตรปิฎกขึ้นอยู่กับมุมมองความเข้าใจที่ถูก ไม่ใช่บังคับให้สรรพสิ่งเป็นไปอย่างที่ใจต้องการ แม้เราจะยังคงเจอความทุกข์และสุขสลับวนเวียนกันไป แต่การทำทาน รักษาศีล เจริญสติ คือหนทางแห่งบุญที่เอื้อให้เราบรรลุธรรม โดยที่เราไม่ต้องเจอทุกข์ให้ต้องเสียใจอีกทุกภพทุกชาติ เครดิตภาพ ภาพปก โดย freepik จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย jcomp จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย jcomp จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ เคล็ดลับจากพระพุทธเจ้าเรื่อง ความเชื่อ รีวิวหนังสือ ปฏิบัติธรรมง่ายกว่าที่คิด รีวิวหนังสือ เรื่องเล่าจากพระไตรปิฎก รีวิวหนังสือ บันไดสู่นิพพาน รีวิวหนังสือ ความลับของจักรวาลทางแห่งนิพพาน โดย ทันตแพทย์สม สุจีรา เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !