ยาน Cygnus XL ของ Northrop Grumman เดินทางถึงสถานีอวกาศนานาชาติสำเร็จ

ยานอวกาศขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท นอร์ธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) ไซกนัส เอ็กซ์แอล (Cygnus XL) เดินทางถึงสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) เป็นครั้งแรกสำหรับยานอวกาศรุ่นนี้ เมื่อเช้าของวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากภารกิจถูกเลื่อนออกไปหนึ่งวัน เนื่องจากปัญหาเครื่องขับดัน

การเทียบท่าสำเร็จเกิดขึ้นเวลา 07:24 น. โดยมีนักบินอวกาศจอนนี่ คิม (Jonny Kim) นักบินอวกาศนาซา ทำหน้าที่ควบคุมขนกล Canadarm2 จับตัวยานขณะสถานีอวกาศโคจรอยู่เหนือประเทศคองโกที่ระดับความสูงราว 420 กิโลเมตร ก่อนที่ยานจะจอดเทียบท่าโมดูล Unity เวลา 10:10 น. โดยยานจะประจำการจนถึงเดือนมีนาคม 2026 ก่อนถูกนำออกวงโคจรและเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลก

ภารกิจ NG-23 และความท้าทายระหว่างทาง

ก่อนหน้านี้ Cygnus XL ถูกปล่อยขึ้นด้วยจรวด SpaceX Falcon 9 จากแหลมคานาเวอรัล เมื่อวันที่ 14 กันยายน ถือเป็นภารกิจขนส่งสินค้าครั้งที่ 23 ของ Northrop Grumman ให้แก่นาซา หรือ NG-23 โดยบรรทุกสัมภาระมากถึง 4,990 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่บรรทุกได้ราว 3,855 กิโลกรัม

เดิมที Cygnus XL มีกำหนดถึง ISS วันที่ 17 กันยายน แต่การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ขัดข้องจนทำให้เส้นทางโคจรคลาดเคลื่อน ทีมภาคพื้นจึงต้องวางแผนใหม่ บิล สเปตช์ (Bill Spetch) ผู้จัดการฝ่ายบูรณาการปฏิบัติการ ISS ของนาซา ย้ำว่านี่เป็น “การวางแผนที่ซับซ้อนมาก” และต้องใช้เวลาปรับแก้เพื่อให้มั่นใจว่ายานจะเชื่อมต่อได้อย่างปลอดภัย

การอุทิศชื่อยานให้กับนักบินอวกาศ

สำหรับภารกิจ NG-23 ยังเป็นเที่ยวบินยาน Cygnus ครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปี หลังภารกิจ NG-22 ถูกยกเลิกเนื่องจากยานได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง ขณะที่ NG-21 เป็นภารกิจล่าสุดที่ถึง ISS เมื่อสิงหาคม 2026

ยานลำนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า SS William “Willie” McCool เพื่อเป็นเกียรติแก่วิลเลียม แมคคูล (William McCool) นักบินอวกาศผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุกระสวยโคลัมเบียในปี 2003 

ทางด้านของนักบินอวกาศจอนนี่ คิม กล่าวหลังการเชื่อมต่อว่า “การได้เห็นยานอวกาศที่มีชื่อของเขามาถึงอย่างปลอดภัย เป็นเครื่องเตือนใจว่าความกล้าหาญและความเมตตาของเขายังคงอยู่กับเรา”

สินค้าสำคัญและการวิจัยบนสถานี

ยาน Cygnus XL ได้ลำเลียงสัมภาระสำคัญไปยังสถานีอวกาศนานาชาติซึ่งมีทั้งวัสดุและอุปกรณ์วิจัยล้ำสมัยที่มุ่งยกระดับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอวกาศ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุสำหรับทดลองสร้างผลึกเซมิคอนดักเตอร์ในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ 

ซึ่งอาจให้โครงสร้างที่สมบูรณ์กว่าบนโลกและนำไปสู่การพัฒนาชิปประมวลผลรุ่นใหม่ อุปกรณ์สำหรับทดสอบและปรับปรุงระบบถังเชื้อเพลิงไครโอเจนิกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรักษาเชื้อเพลิงจรวดในระยะยาว 

ระบบแสงยูวีเฉพาะทางที่ช่วยยับยั้งการก่อตัวของจุลินทรีย์ในระบบน้ำนานาชาติซึ่งมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของนักบินอวกาศ และวัสดุทดลองสำหรับผลิตผลึกยาที่อาจกลายเป็นก้าวสำคัญในการรักษามะเร็งและโรคร้ายแรงอื่น ๆ 

ยานลำนี้บรรทุกงานวิจัยจากประเทศไทยผ่านโครงการ “Thailand Liquid Crystal in Space (TLC)” เพื่อศึกษาพฤติกรรมของ ผลึกของเหลว (liquid crystals) ในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ (microgravity) บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ทีมวิจัยนำโดย รองศาสตราจารย์ ดร. นัทธ์ทพร จัตตัม ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ ม. เกษตรศาสตร์

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของภารกิจ NG-23 ที่ไม่ได้เป็นเพียงการส่งเสบียง แต่ยังเป็นการปูทางไปสู่อนาคตของวิทยาศาสตร์การแพทย์และเทคโนโลยีขั้นสูงจากวงโคจรโลกอีกด้วย