นายกฯ สั่ง5 มาตรการ ลุยท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ เที่ยวได้ทั้งปีไม่มีโลว์ซีซั่น

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการและติดตามความคืบหน้าของการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกและครึ่งปีหลังนับจากนี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักสำคัญของประเทศที่สามารถสร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทโดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของไทยในทุกมิติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นการท้าทายของภาคการท่องเที่ยวแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงเล็กน้อย แต่กลับพบว่ามูลค่าจำนวนเม็ดเงินเข้าประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้น เป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม “ไฮเอนด์” ที่เดินทางมาไกล ทั้งจากทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา มีจำนวนพุ่งสูงขึ้น และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานพบว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย ชื่นชอบการท่องเที่ยวที่มีระดับ มากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวรูปแบบใหม่นี้ ทุกส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จะต้องนำปัญหาต่าง ๆ มา ปรับปรุงแก้ไข และสร้างให้กลายเป็นความแข็งแกร่งให้กับภาคการท่องเที่ยวและบริการต่าง ๆ ของไทย โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันมาตรการเพื่อป้องกันปัญหา และกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว อำนวยความสะดวก ในทุกมิติ ของนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างประเทศให้ครอบคลุมทั้ง 5 ด้านได้แก่
1) ให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพิ่มการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในทุกรูปแบบ ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น ให้ยกระดับการจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์ให้สามารถกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยได้จริง มีตัววัดผลที่ชัดเจน รวมถึงตรวจสอบและให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศในกรณีที่มีการบิดเบือนข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง ในทุกช่องทางบนสื่อกระแสหลักและในโซเชียลมีเดีย
2) ให้ทุกกระทรวง และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ในทุกมิติ ทั้งเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก ความสะอาด ความน่าสนใจของจุดท่องเที่ยว และ ความปลอดภัยในทุกๆด้าน อาทิการติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบ เอไอ ในพื้นที่ท่องเที่ยว กวดขันการปฏิบัติงานของตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจท้องที่ และให้วางมาตรการอำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ตลอดจนเร่งปราบปรามผู้ใช้อิทธิพลที่ผูกขาดการบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
3) ให้แก้ไขปัญหาการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ตั้งแต่การบริการตรวจคนเข้าเมืองให้มีความรวดเร็ว จัดระเบียบการใช้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่สนามบิน ไม่ให้เกิดการหลอกลวง นักท่องเที่ยว ค่าใช้บริการขนส่ง ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และจัดสร้างพื้นที่สูบบุหรี่ระหว่างการ Transit ให้ชัดเจน ให้เป็นไปตามหลักสากลของสนามบินทั่วโลก ตลอดจนเน้นย้ำให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อสำรวจและแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่โดยด่วนและแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม
4) ให้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานค่าโดยสารสำหรับสายการบินราคาประหยัดอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งแก้ปัญหาการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมแบบ Mass Transit รวมถึงเร่งเตรียมเชื่องโยง 3 สนามบิน (กระบี่ พังงา ภูเก็ต)
5) ให้เร่งสร้างกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมน่าสนใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึงวางรากฐานการพัฒนาข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการวางแผนการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยว
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า 5 มาตรการนี้จะต้องถูกผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ และสั่งการให้ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ นักท่องเที่ยว และ ประชาชน มีความปลอดภัยประเทศไทยน่าเที่ยว และให้มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการทุกเรื่องอย่างชัดเจน และนำกลับมารายงานผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเป็นระยะให้นายกรัฐมนตรีทราบ โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทย เพื่อช่วยเหลือและเดินหน้าเคียงข้างผู้ประกอบการและประชาชน และเพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยเติบโตและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยต่อไป