เลบานอนรำลึกครบรอบ 1 ปี เหตุระเบิดในกรุงเบรุต ซึ่งมีผู้เสียชีวิตคนไปกว่า 200 คน เศรษฐกิจเสียหาย 5 แสนล้านบาท

พิธีที่เศร้าสลดจัดขึ้นที่จุดเกิดเหตุในท่าเรือเบรุต ท่ามกลางซากความเสียหายข้าง ๆ ไซโลขนาดยักษ์ที่ยังคงตั้งเด่น แม้จะเสียหายอย่างหนักจากเหตุระเบิดที่ทั่วโลกตะลึงเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมปีที่แล้ว

ครอบครัวผู้เสียชีวิตและรอดชีวิต, เจ้าหน้าที่กู้ภัย, ทหาร, ตำรวจ และชาวเลบานอนในกรุงเบรุต เข้าร่วมพิธียืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยในเวลา 18.07 น. ตามเวลาที่เกิดระเบิด ผู้นำทางศาสนาประกอบพิธีตามความเชื่อ แล้วมีการอ่านชื่อของผู้เสียชีวิต พร้อมนำภาพมาประกอบกันเข้าด้วยกัน

 

 

เหตุระเบิดดังกล่าว ซึ่งถือได้ว่าเป็นระเบิดที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ มีความรุนแรงที่สุดครั้ังหนึ่งของโลก เกิดจากสารแอมโมเนียมไนเตรท 2,750 ตัน ที่ถูกเก็บไว้ในโกดังของท่าเรือนาน 5 ปี โดยที่แทบไม่มีใครรู้เห็น

 

 

ระเบิดดังกล่าว ทำลายสิ่งปลูกสร้างในรัศมี 5 กิโลเมตรพังราบ มีผู้เสียชีวิต 217 คน บาดเจ็บกว่า 6,500 คน ชาวเบรุตกว่า 300,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 4.8 แสนล้านบาท

 

 

ในความเศร้าโศกนั้น ชาวเลบานอนยังคงโกรธแค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนออกมาประท้วงกันหลายพันคน เพราะการสืบสวนหาสาเหตุยังไม่แล้วเสร็จ ยังไม่มีใครถูกตั้งข้อหา จึงขอให้นักการเมืองและชนชั้นปกครองแสดงความรับผิดชอบ

 

 

ขณะที่ เกิดสูญญากาศทางการเมือง ไม่มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพมาบริหารประเทศในช่วงปีที่ผ่านมา ที่ประเทศต้องเผชิญวิกฤตโควิด พ่วงไปกับหายนะทางเศรษฐกิจ จนประเทศอยู่ในสถานะล้มละลาย

จากการประเมินของสหประชาชาติ หรือ UN เลบานอนต้องใช้เงินเยียวยาอย่างน้อย 357 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.14 หมื่นล้านบาท

 

 

เมื่อวานนี้ (4 สิงหาคม) มีการประชุมนานาชาติทางระบบออนไลน์ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือ ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้แสดงความเสียใจกับความสูญเสีย พร้อมประกาศจะมอบความช่วยเหลือแก่เลบานอนอีก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.2 พันล้านบาท เพิ่มเติมจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ให้เลบานอนในช่วง 2 ปีนี้ รวม 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.79 หมื่นล้านบาท

 

 

การประชุมครั้งนี้ มี 33 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ 13 องค์กรเข้าร่วม ยังได้เรียกร้องให้นักการเมืองเลบานอนมุ่งมั่นหาทางออกทางการเมือง แล้วตั้งรัฐบาลมาบูรณะฟื้นฟูประเทศพร้อมไปกับต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งหลายฝ่ายมองกันว่าเป็นต้นเหตุของการระเบิดครั้งนี้