ช่วงนี้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 แล้วมักจะได้ยินขั้นตอนการทดลองในสัตว์อยู่บ่อย ๆ และเมื่อพูดถึงสัตว์ทดลองแล้ว สัตว์ชนิดแรกที่แวบขึ้นมาในความคิดของหลายคนคงหนีไม่พ้น หนูทดลอง (Lab Rat) เพราะไม่ว่าแวดวงทางวิทยาศาสตร์จะทดลองเรื่องอะไรก็ตาม ก็ต้องจับเจ้าหนูสี่ขาหน้าขนตัวนี้มาเป็นต้นแบบกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาระบบพันธุกรรม การทดลองด้านวัคซีน แล้วทุกคนเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมสัตว์ทดลองส่วนใหญ่ต้องเป็นหนู แล้วถ้าไม่ใช่หนูจะสามารถใช้สัตว์ตัวอื่นได้บ้างหรือเปล่า ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลและประสบการณ์ที่พอจะมี และพร้อมจะแถลงไขให้ผู้อ่านได้เรียนรู้ไปพร้อมกันในบทความนี้หากอ้างอิงจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้วิชาชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาโลกให้ก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้น แน่นอนว่าความตื่นตัวทางด้านวิทยาศาสตร์ทำให้มีการศึกษาเรื่องสิ่งมีชีวิตกันอย่างกว้างขวาง การนำหนูมาศึกษาวิจัยครั้งแรกก็ได้เกิดขึ้นในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์นี่เอง โดยนักวิทยาศาสตร์นามว่า วิลเลียม ฮาร์วี่ (William Harvey) ได้ทดลองนำหนูมาผ่าเพื่อที่จะศึกษาระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสืบพันธุ์ นั่นจึงเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นศึกษาโครงสร้างร่างกายของหนูนั่นเองต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 วิชาพันธุศาสตร์กำลังเฟื่องฟูเป็นอย่างยิ่ง ทำให้บาทหลวงและนักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรียผู้โด่งดังอย่าง เกรเกอร์ โยฮัน เมนเดล (Gregor Mendel) ได้กระโดดลงมาในแวดวงพันธุศาสตร์ และฝากผลงานชิ้นเอกเอาไว้คือ การศึกษาพันธุกรรมเรื่องสีขนของหนู และกำลังจะเริ่มจับหนูมาเพาะพันธุ์ให้ออกมาเป็นสีต่าง ๆ แต่โครงการก็ต้องพับไปเสียก่อนเนื่องจากถูกสั่งห้ามด้วยเหตุผลด้านโรคระบาด อย่างไรก็ตามได้มีผู้สานต่องานนี้จนสำเร็จในอีกไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยนักพันธุศาสตร์อีกหนึ่งคนนามว่า คลาเรนซ์ คุก ลิตเติล (Clarence Cook Little) จากการจับหนูมาผสมพันธุ์กันเองในครอบครัว จนออกมาเป็นหนูสีขาวตาแดงซึ่งเป็นต้นตระกูลของหนูทดลองที่ใช้กันในปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ทำให้หนูกลายเป็นสัตว์ทดลองตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากสมัยก่อนหนูมีจำนวนมากและถือเป็นสัตว์ไร้ประโยชน์ที่ก่อความรำคาญให้ชาวบ้าน พวกที่มีความรู้เรื่องสัตว์ก็มักจะจับหนูมาศึกษาระบบภายในไปเรื่อยเปื่อย ทดลองไปทดลองมาจึงได้รู้ว่า หนูกับมนุษย์มียีนส์ในร่างกายลักษณะเดียวกันถึงร้อยละ 90 มันสามารถแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว ในขณะที่มีอายุเพียง 2 เดือนแต่สามารถขยายพันธุ์ได้ถึง 3 รุ่น ด้วยความที่เป็นสัตว์ตัวเล็กและไม่ดุร้าย จึงเป็นการง่ายที่จะนำมาศึกษาทดลอง ไม่ต้องกลัวว่ามันจะทำอันตรายต่อผู้ทดลองอย่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น และเหตุผลที่สำคัญคือหนูมีต้นทุนค่าตัวต่ำ จึงเป็นประโยชน์ด้านงบประมาณของโครงการศึกษาวิจัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วงการวิทยาศาสตร์จึงมักใช้หนูเป็นสัตว์ทดลองเรื่องใดก็ตามที่เกี่ยวของกับชีวิตของเรา ด้วยระบบภายในร่างกายของหนูที่คล้ายกับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นระบบย่อยอาหาร การสร้างเม็ดเลือด วัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ในมนุษย์ก็ได้จากการทดลองกับหนูมาก่อน ที่เราคุ้นเคยกันดีคือวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ และด้วยเหตุผลเรื่องประโยชน์ของหนูของคนทั่วไปที่แทบจะไม่มี คงไม่มีใครเลี้ยงหนูไว้ใช้งาน หากพบเจอก็มีแต่จะกำจัดให้หมดไป นั่นทำให้หนูกลายเป็นสัตว์ที่มักถูกนำไปตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อศึกษาโรคแปลก ๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเหตุผลด้านจริยธรรม แต่ถึงอย่างไรก็ตามโครงสร้างร่างกายก็หนูได้ถูกกำหนดมาแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อการทดลอง เราก็คงจะได้ยินชื่อหนูลองยาหรือหนูทดลองกันไปอีกยาวนานเครดิตรูปภาพ- รูปภาพหน้าปก โดย Sipa : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 1 โดย Vaun0815 : UNSPLASH- ภาพประกอบที่ 2 โดย Kapa65 : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 3 โดย Simon : PIXABAY- ภาพประกอบที่ 4 โดย Kapa65 : PIXABAY