จีนเปิดตัวเรือเหาะกังหันลมลอยฟ้า “S1500” ผลิตไฟฟ้าระดับเมกะวัตต์

จีนเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ด้านพลังงานสะอาด สำเร็จทดสอบบิน เรือเหาะกังหันลม S1500 ลำแรกของโลก ที่สามารถผลิตไฟฟ้าระดับเมกะวัตต์ได้สำเร็จ ณ เมืองฮามี่ มณฑลซินเจียง โดยระบบนี้ผ่านการทดสอบเข้มข้น ทั้งการประกอบเต็มรูปแบบกลางทะเลทราย และการติดตั้ง ถอนการติดตั้งท่ามกลางลมแรงซ้ำหลายครั้ง ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การใช้ “พลังงานลมลอยฟ้า” อย่างเป็นรูปธรรม

เรือเหาะพลังงานสะอาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

S1500 มีรูปร่างคล้ายเรือเหาะ (Zeppelin) ขนาดยักษ์ ยาว 60 เมตร กว้างและสูง 40 เมตร ถือเป็นกังหันลมลอยฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จุดเด่นคือไม่ต้องใช้เสาสูงหรือตอม่อ ทำให้ลดการใช้วัสดุได้ถึง 40% และช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้ราว 30% อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ห่างไกล เช่น ทะเลทราย เกาะ หรือเหมือง

ระบบผลิตไฟฟ้าในท้องฟ้า

ตัวเรือเหาะออกแบบให้มีปีกหลักและปีกวงแหวนขนาดใหญ่ เชื่อมกันเป็นท่ออากาศ ภายในติดตั้งกังหันผลิตไฟฟ้าขนาด 100 กิโลวัตต์ จำนวน 12 ชุด รวมกำลังการผลิตกว่า 1 เมกะวัตต์ โดยดักจับลมแรงระดับสูงแล้วแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ก่อนส่งผ่านสายเคเบิลแรงสูงลงสู่พื้นดิน

การพัฒนา S1500 ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยชิงหัว และสถาบันวิจัยด้านอวกาศและสารสนเทศ (AIR) ภายใต้สถาบันวิทยาศาสตร์จีน โดยทีมวิจัยสามารถแก้โจทย์ใหญ่เรื่องความเสถียรของเรือเหาะ ระบบกำเนิดไฟฟ้าน้ำหนักเบา และสายส่งไฟฟ้าแรงสูงยาวหลายกิโลเมตร ทำให้การสร้างกังหันลมลอยฟ้าขนาดใหญ่เป็นจริงขึ้นได้

ศักยภาพพลังงานลมบนฟ้า

แรงลมในระดับความสูง 500–10,000 เมตร มีความแรงและสม่ำเสมอกว่าลมบนพื้นดินหลายเท่า นักวิจัยชี้ว่า “เมื่อความเร็วลมเพิ่มขึ้น 2 เท่า พลังงานที่ได้จะเพิ่มถึง 8 เท่า และถ้าเพิ่ม 3 เท่า พลังงานจะมากถึง 27 เท่า” สิ่งนี้ทำให้กังหันลมลอยฟ้าอย่าง S1500 มีศักยภาพผลิตไฟฟ้าได้มากกว่ากังหันแบบดั้งเดิม และยังสามารถนำไปใช้ในภารกิจบรรเทาภัยพิบัติ เพื่อจัดหาพลังงานฉุกเฉินหลังแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วมได้อย่างรวดเร็ว

ก้าวใหม่ของจีนสู่อนาคตพลังงานสะอาด

รัฐบาลจีนได้กำหนดแผนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานลมลอยฟ้าตั้งแต่ปี 2016–2030 โดยมุ่งลดการพึ่งพากังหันลมภาคพื้นดิน และเปิดทางสู่การใช้พลังงานสะอาดในพื้นที่ทุรกันดาร ความสำเร็จของ S1500 ถือเป็นสัญญาณว่าจีนพร้อมจะนำ “ลมบนท้องฟ้า” มาเป็นอีกหนึ่งแหล่งพลังงานสำคัญของโลก และอาจมีบทบาทอย่างมากต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานโลกในอนาคต