สวัสดีผู้อ่านทุกท่านด้วยจ้า บทความนี้ผู้เขียนจะมารีวิวหนังสือที่ผู้เขียนสนใจจะอ่านมานานมากและตอนนี้ผู้เขียนก็ได้เจ้าตัวหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือเป็นที่เรียบร้อย ใครที่กำลังหมดแรง หมดไฟ ท้อแท้ จะเหตุผลอะไรลองมาดูการรีวิวหนังสือเล่มนี้และถ้าผู้อ่านสนใจที่จะลองไปหาอ่านก็ถือว่าไม่ผิดหวังแน่นอนและเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยผู้อ่านได้เยอะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเชิญรับชมอ่านกันได้เลยจ้า หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณฟุจิโนะ โทโมยะ เป็นจิตแพทย์ แพทย์อาชีวเวชศาสตร์ และนักจิตวิทยาที่ได้รับใบอนุญาต ที่มีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน นั่นเอง โดยผู้เขียนจะหยิบสิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้มา ซึ่งจะเอาแค่บางส่วนเท่านั้นเน้อ ไม่ได้หยิบมาทั้งหมดเล่มเลย แต่ว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากและมีประโยชน์จริง มาดูกันสิว่าผู้เขียนจะหยิบอะไรมาแบ่งปันบ้าง ใช้ชีวิตเหมือนวันสุดท้ายของชีวิต เริ่มมาก็สำคัญมากแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเราจะอยู่ตรงนี้จนถึงเวลาไหนของชีวิต เราอาจจะเสียเวลากับเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนไม่ได้โฟกัสกับตัวของเราเองจริงๆ จนมานึกเสียใจภายหลัง สิ่งที่ผู้เขียนได้รับมาจากหนังสือเล่มนี้ก็คือ ไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์ใจอะไร สุดท้ายจะผ่านมาและผ่านไป ชีวิตเรา เรากำหนดเอง จะเสียเวลากับสิ่งที่ไม่จำเป็นไปทำไม ในเมื่อตัวเราเองก็มีเรื่องที่อยากจะทำอะไรตั้งมากมายเหมือนกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เพื่อนที่อยู่กับเรามากที่สุดคือตัวเราเอง ไม่มีใครแต่ยังมีตัวของเราเองที่ยังยืนลุกขึ้นมาได้เสมอ มีอะไรที่อยากทำก็ใส่ไปเลย ไม่ต้องยั้ง ไม่ต้องกังวลว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ถ้าเป็นช่วงสุดท้ายของการมีชีวิต การทำเป้าหมายในชีวิตที่ตั้งไว้ยังดีกว่าการไม่ทำและมาเสียดายภายหลัง ชีวิตเราไปให้สุด ทำให้สุดเหมือนกับว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะมีชีวิตแล้วจ้า จะไม่ไม่ต้องมาห่วง กังวลที่ไม่ได้ทำอีกจ้า การพักผ่อน ควรมาเป็นอันดับแรก จะพักผ่อนแบบไหนยังไง แต่ถ้าอยากพักก็พักไปเลยจ้า เราพักผ่อนเพื่อชาร์จพลังไว้สำหรับวันข้างหน้า มีแรงการทำงาน ทำอะไรหลายๆ อย่าง การพักผ่อนนี่แหละช่วยได้เยอะ ถ้าไม่ได้พักแล้วดันฝืนร่างกายตัวเองละก็มีโอกาสป่วยหรือส่งผลเสียตามมาแน่นอน ไม่ต้องสืบ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่พอไม่ได้ ต้องพอ ชาร์จแบตเตอรี่ก็ต้องชาร์จให้เต็มสิเนอะ ไม่ไหวพักก่อนนะจ้า ตัวเรายอดเยี่ยมเสมอ เราจะทำอะไรไม่ได้เรื่องบ้าง ผู้เขียนเองก็เป็นคนที่คิดอยากทำอะไรที่อยากทำ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ได้เรื่องเลย แต่หนังสือเล่มนี้ช่วยได้มาก เขาว่าการมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ก็เก่งมากแล้วจ้า เราผ่านทุกเหตุการณ์แย่ๆ มาแล้ว เหตุการณ์ที่ทั้งโลกกังวลแต่เราก็ไม่ยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าเราจะอยู่ได้อ่ะ อย่างตอนนี้บ้านเราข่าวของฝุ่น PM 2.5 ที่ผู้เขียนเห็นแล้วก็รู้สึกน่าเป็นห่วงมากๆ น่ากลัวจริงๆ ยังไงก็ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ ดูแลจัวเองเพื่อที่จะได้อยู่คนที่เรารักทุกคนไปนานแสนนาน ออกไปไหนก็ใส่หน้ากากอนามัยสำหรับป้องกันฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะ ช่วงนี้เห็นว่าเครื่องฟอกอากาศขายดีมาก ขอให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตได้ทุกคนจ้า ไม่คิดสู้แข่งกับใคร คือ ความแข็งแกร่งที่ดีที่สุด ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการแข่งขันมีเยอะจริง และมีการตัดสินแพ้ชนะ แต่ว่าแพ้ชนะไม่สำคัญเท่ากับการพัฒนาตัวเองจนดีกว่าตัวเองในเมื่อวาน ยอมรับและอยู่กับปัจจุบันให้ได้ การแพ้ชนะมันไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เรายกระดับหรือลดระดับเลย ไม่มีใครแพ้ตลอดและไม่มีใครชนะตลอด ถ้าล้มเหลวก็พัฒนาตัวเองใหม่ เล่นเกมก็ต้องเริ่มจาก 0 เหมือนกันถึงจะเก่งขึ้นพัฒนาขึ้นได้ ทำเท่าที่ทำได้จ้า ความวิตกกังวล คือ ศัตรูตัวฉกาจของความสุข ส่วนนี้ตรงกับผู้เขียนมาก เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือแต่เป็นจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ผู้เขียนเคยทำงานที่ขนาดงานใหญ่จนคอมพังดับไปเลย แต่ก็เข้าใจว่าคอมช่วงนั้นออกแบบใช้งานทั่วไปและรุ่นเก่ามากแล้วและจากนั้นมาก็กลัวที่จะทำงานหนักๆ แบบนั้นไม่ได้อีกเลย แต่ว่าตอนนี้ผู้เขียนก็รู้สึกว่าตอนนี้ใช้เท่าที่มีไปก่อนเพื่อผลักดันเราไปข้างหน้า แม้สักวันคอมที่ใช้อาจจะพังและต้องซื้อใหม่ในสักวันแต่ว่าก็ต้องขอบคุณที่ทำให้เราเติบโตไปอีกขั้น ไม่ต้องวิตกกังวลว่าสิ่งที่เราใช้นั้นอาจจะไม่ดีพอ เราอาจจะไม่มีงบซื้อคอมใหม่ แต่ก็ใช้เท่าที่มีไปก่อนเน้อ มาที่ส่วนของในหนังสือกันบ้าง ในหนังสือได้ยกตัวอย่างของมุมมองคนที่มองต่างกัน อย่าง ความโสดเป็นตัวแทนของความเหงา หรืออีกมุมนึงก็คือมองว่าเป็นอิสระ สุดท้ายแล้วผู้เขียนมองว่าความวิตกกังวลอยู่ที่มุมมองคนล้วนๆ จ้า ออกจากบ้านบ้างก็ได้ เดินเล่นก็ได้ ไปเที่ยวสถานที่แปลกๆ ก็ได้ ส่วนนี้ผู้เขียนจะหยิบนำ “การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า (มองเห็น, ได้ยิน, สัมผัส, รับรส และ ได้กลิ่น)” มาด้วย เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้รับรู้กับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ สิ่งเล็กๆ ระหว่างการออกเดินทางนั่นเอง เรื่องไม่จำเป็นช่างมันอย่าไปแคร์ ไม่สำคัญกับชีวิตเรา พาตัวเองออกจากที่เดิมๆ บ้างเน้อ โลกมันใหญ่มากนะจ๊ะ ผู้เขียนเองก็ออกไปที่ใหม่ๆ เดินเล่น เวลานึกไอเดียทำงานอะไรไม่ออก เบื่อๆ เซ็งๆ ช่วยได้เยอะ บอกเลย แต่อย่างที่บอกว่าช่วงนี้มีเหตุการณ์ของฝุ่น PM 2.5 ยังไงก็อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยสำหรับป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วยเน้อ เมล็ดความทุกข์ที่ถูกใส่เข้ามาในตัวเรา เอาออกไปเลย ไม่มีใครทุกคนที่ชอบเราหมด บางคนมีการพูดจาไม่ดี ไม่มีเหตุผล เพราะเราอาจจะไปทำอะไรขัดใจ จนเหมือนเอาเมล็ดทุกข์มาปลูกในตัวเรา แต่เราเก่ง ถอนมันออกไป อย่าไปปลูกมัน ปลูกสิ่งที่ดีสำหรับตัวเราในวันนี้และอนาคตดีกว่า เราไม่สามารถเป็นมิตรกับทุกคนได้ แต่เราเลือกคนที่เรารู้สึกดีมากๆ และปลอดภัยที่สุดได้ พวกเขาจะช่วยเหลือเราได้เสมอ ปกป้องสิ่งสำคัญ ทำอะไรทำไปเลยจ้า ช่างมันเถอะ! อีกไม่กี่ปีเราก็เป็นเถ้าธุลีกันหมดแล้ว หยิบนำชื่อหนังสือมาซะเลย จะผ่านเรื่องราวดีร้ายแบบไหนหรือมากสักแค่ไหน แต่ว่าอีกไม่กี่ปี หลายสิบร้อยล้านปี มันก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย สุดท้ายแล้วทุกคนล้วนมีเกิดและดับ ชื่อเสียงมีตอนนี้ก็ดับลงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านไป สิ่งใหม่เกิดขึ้นมาก็ต้องดับไป เหลือเพียงความทรงจำ ในเมื่อชีวิตเป็นของเรา ไม่ต้องเกรงใจใคร เราไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร เรารับผิดชอบตัวเอง คนอื่นจะมาสนใจชีวิตเราทำไมกันเนอะ โฟกัสตัวเองกันดีกว่าจ้า อย่าให้ใครควบคุมตัวเรา อย่าให้ใครเอาเปรียบ อย่าให้ใครกดดันเราเด็ดขาด ครั้งแรกมีพลาดไม่เป็นไร อย่าให้มีครั้งที่สอง ส่วนครั้งที่สามนี่ไม่ควร ทำทุกวันให้มันดี ขอบคุณตัวเอง ใจดี ให้กำลังใจตัวเอง อยู่ในที่ที่เรามีความสุข ปลอดภัย ดีกว่าเยอะจ้า เป็นยังไงกันบ้างผู้อ่านทุกคน ผู้เขียนเองก็ได้มีโอกาสจับหนังสือและอ่านจนจบก็ได้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปมาก และเปลี่ยนไปมากด้วย ตอนนี้ที่กำลังพิมพ์บทความนี้อยู่ ผู้เขียนก็รู้สึกว่าปล่อยตัวสบายมากขึ้น จากที่ผู้เขียนก่อนอ่านก็มีความรู้สึกหลากหลายในใจ เห็นคนอื่นทำความฝัน ทำอะไรที่ตัวเราทำไม่ได้ก็ท้อ ฝืนตัวเองอีก สุดท้ายจึงได้รู้ว่าต่อให้ได้สิ่งต่างๆ มา แต่ว่าทุกอย่างก็ต้องแหลกสลายหายไปอย่างแน่นอน มีชีวิตรอดจนถึงในตอนนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วจ้า คนบางคนมีตำแหน่ง มีชื่อเสียง กำลังไฟแรงเลย สุดท้ายแล้วก็จากไปช้าเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ผู้เขียนก็ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตในทุกๆ วันให้มีความสุข อยากพักผ่อน อยากทำอะไรทำไปเลย ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคิดอะไร เดินไปต่อเลยจ้า เพราะอีกไม่กี่ปีเราก็เป็นเถ้าธุลีกันหมดแล้ว รักตัวเองมากๆ และรักคนที่ทำให้เรามีความสุข สบายใจด้วย ทุกคนเก่งมากแล้วในตอนนี้ สำหรับบทความนี้ ขอบคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามารับชมอ่านกันจ้า ติชมตรงไหนบอกได้เน้อ ขอบคุณจ้า ช่องทางการติดตามของคุณฟุจิโนะ โทโมยะ X : @tomoyafujino Instagram : tomoya_fujino0904 ภาพปกทำโดย Canva ถ่ายจากหนังสือผู้เขียนเองจ้า ภาพประกอบ ภาพประกอบ 1 จากบัญชี X ของคุณ @tomoyafujino : ภาพปก ภาพประกอบ 2 ถ่ายโดย Denys Nevozhai จาก Unsplash ภาพประกอบ 3 ถ่ายโดย Kate Stone Matheson จาก Unsplash ภาพประกอบ 4 ถ่ายโดย DESIGNECOLOGIST จาก Unsplash ภาพประกอบ 5 ถ่ายโดย Marc Rafanell López จาก Unsplash ภาพประกอบ 6 ถ่ายโดย Uday Mittal จาก Unsplash ภาพประกอบ 7 ถ่ายโดย Vlad Bagacian จาก Unsplash ภาพประกอบ 8 ถ่ายโดย Gianfranco Grenar จาก Unsplash ภาพประกอบ 9 ถ่ายโดย Samuele Macauda จาก Unsplash ภาพประกอบหนังสือผู้เขียนถ่ายจากหนังสือของตัวเองจ้า ช่องทางการติดตามของผู้เขียน Facebook: AmmarinJ Twitter (X): @AmmarinJ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !