ปัจจุบันนี้สังคมการทำงานทุกวันนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อนต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะด้วยปัญหาจากตัวงานหรือจากตัวคน หลายครั้งที่ผู้เป็นหัวหน้างานมักจะมีความขัดแย้งกับลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ภายในองค์กร ซึ่งมันทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างที่ไม่ได้เป็นผลดีต่อองค์กรเลย และยังรวมไปถึงผู้เป็นหัวหน้างานเองด้วยซ้ำที่จะต้องแบกรับความเครียด รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาอีกภายหลังอีกอย่างมากมาย ดังนั้นแล้วหากหัวหน้าได้มีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้องแล้วนั้น องค์กรก็มักจะมีความราบรื่นและความสำเร็จตามมา รวมถึงเรายังรักษาลูกน้องที่ดีและลูกน้องที่เก่งอยู่ร่วมทำงานกับเราไปนาน ๆ สำหรับหลาย ๆ ท่านที่กำลังเป็นหัวหน้าคนหรือบางคนที่พึ่งจะได้เป็นหัวหน้าแล้วไม่รู้ว่าจะมีวิธีทำอย่างไรให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้องนั้นจึงอยากจะแนะนำเคล็ดลับดี ๆ เหล่านี้ที่มาของรูปภาพ : https://www.pexels.com/th-th/photo/842567/1. การปฏิบัติลูกน้องอย่างเท่าเทียมกัน : เรื่องนี้ถือเป็นพื้นฐานและเป็นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำหรับประตูบานแรกที่จะสามารถเข้าไปอยู่ในใจของลูกน้องทุก ๆ คนได้ โดยปกติแล้วทุกองค์กรก็จะเจอลูกน้องหลายแบบ เช่น ลูกน้องที่ทำงานเก่ง หรืออาจจะเป็นคนที่ช่างพูด อัธยาศัยดี ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากที่ลูกน้องแบบนั้นมักจะเป็นที่รักของเจ้านาย จนบ้างครั้งเจ้านายอาจจะแสดงออกไปว่าดูรักและเอ็นดูลูกน้องที่ดีและโดดเด่นมากกว่าลูกน้องคนอื่น ๆ จะโดยตั้งใจหรือโดยไม่ตั้งใจก็ตาม จนอาจจะให้เกิดความน้อยใจของลูกน้องบางคน จนลูกน้องที่น้อยใจเหล่านั้นอาจจะรู้สึกไม่ดีกับคนที่เป็นเจ้านายตามมานั่นเอง ดังนั้นแล้วในฐานะเจ้านายก็ไม่ควรแสดงออกมากเกินไปว่า "รักลูกน้องหรือภูมิใจกับลูกน้องคนนั้น คนนี้" ข้อนี้คือจุดเริ่มต้นของการสร้างสามัคคีขององค์กรเลยทีเดียว2. การรักษาน้ำใจลูกน้อง : ซึ่งข้อนี้สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ คือ เมื่อลูกน้องทำงานอะไรใด ๆ จะเรื่องเล็กน้อยอย่างไร การพูดคำว่า "ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณครับ" ตรงนี้ก็ได้ใจลูกน้องได้อย่างดีแล้ว คำว่า "ขอบคุณ" เป็นคำพูดที่ง่าย แต่ก็สร้างความแพงและมูลค่าให้กับผู้พูดได้ อยากจะซื้อใจใคร ไม่ต้องใช้เงินใด ๆ แค่คำว่า "ขอบคุณ" ก็สามารถซื้อทั้งหัวใจกันได้แล้วที่มาของรูปภาพ : https://www.pexels.com/th-th/photo/1367272/3. ยิ้มและทักทายลูกน้องเสมอ รวมถึงการพูดจาด้วยคำพูดที่ดีและสุภาพ : ความจริงแล้วข้อนี้เป็นการบ่งบอกถึงการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำด้วย เพราะการเป็นหัวหน้าที่มักยิ้มแย้มและทักทายให้ลูกน้องเสมอเป็นการแสดงถึงว่า หัวหน้าคนนี้เป็นคนที่เต็มไปด้วยมิตรไมตรี ดูเป็นคนที่น่าเข้าถึง เป็นคนที่น่าคบหาและมีความจริงใจต่อลูกน้อง ปัญหาตึงเครียดในองค์กรส่วนใหญ่มักเกิด เจ้านายที่ไม่ค่อยทักทายลูกน้องมากนัก จึงเหมือนเป็นกำแพงขวางกั้นระหว่าง "เจ้านาย" กับ "ลูกน้อง" 4. อย่าเป็นหัวหน้าที่เอาแต่บ่นและโวยวาย : ควรเก็บคำบ่นนั้นไว้ภายในใจหรือปล่อยวางมันซะ หากรู้สึกไม่ได้ดั่งใจหรือไม่ถูกใจใด ๆ ก็ตาม ปัญหาการทำงานมักมีได้เสมอและมีได้ตลอด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา เพราะคนที่เป็นลูกน้องก็อาจจะมองคนเป็นหัวหน้าไม่ดี จับกลุ่มกันนินทาและท้ายที่สุดมันก็ไม่เกิดผลดีต่อคนเป็นหัวหน้านั่นเอง5. การพูดจากให้กำลังใจแก่ลูกน้องเป็นสิ่งที่สำคัญ : ลองพูดคำว่า "สู้ ๆ นะ" กับลูกน้องบ่อย ๆ และกับทุก ๆ คน ลูกน้องก็จะมีกำลังใจในการทำงาน6. เมื่อมีปัญหาใด ๆ ควรที่จะร่วมกันแก้และดูแลกับลูกน้อง : หลายครั้งที่เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้านายกับลูกน้องก็คือ เมื่อยามที่เกิดปัญหา คนเป็นเจ้านายมักจะโยนปัญหาให้กับลูกน้อง ตรงนี้ก็จะเกิดความคับแค้นใจของลูกน้องที่มีต่อเจ้านายเกิดขึ้นได้ ที่มาของรูปภาพ : https://www.pexels.com/th-th/photo/3285203/ความจริงแล้วมีอีกมากมายหลายวิธีที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง แต่เคล็ดลับและวิธีการทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นพื้นฐานสำคัญอย่างยิ่งที่ควรนำไปใช้ ซึ่งไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ซึ่งทำตามข้างต้นได้ก็จะเป็นบุคคลอันเป็นที่รักของลูกน้อง เมื่อชีวิตความสัมพันธ์ในการทำงานดี สิ่งดี ๆ ก็จะตามมา ไม่ว่าเป็นการที่ยังคงรักษาบทบาทการเป็นหัวหน้าเอาไว้ องค์กรมีการขับเคลื่อนได้เรื่อย ๆ เพราะหากเจ้านายมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อง ปัญหาการลาออกก็จะเกิดขึ้นน้อยลง