รัสเซียจ่อแบน "WhatsApp" ซอฟต์แวร์จากประเทศที่ไม่เป็นมิตร

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า รัฐบาลรัสเซียเดินหน้าผลักดันนโยบาย “อธิปไตยทางดิจิทัล” อย่างเข้มข้น ล่าสุด สมาชิกสภาดูมาในฝ่ายกำกับดูแลเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบุว่า WhatsApp แอปส่งข้อความยอดนิยมภายใต้บริษัท Meta Platforms อาจต้องถอนตัวออกจากตลาดรัสเซียในเร็ว ๆ นี้

คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ลงนามในกฎหมายใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันส่งข้อความที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และสามารถเชื่อมต่อกับบริการภาครัฐของรัสเซียได้โดยตรง ซึ่งสะท้อนความตั้งใจของมอสโกในการลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น WhatsApp และ Telegram

แอนตอน โกเรลกิน รองประธานคณะกรรมาธิการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของสภาดูมา ให้ความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม Telegram ว่า ถึงเวลาแล้วที่ WhatsApp ควรเตรียมตัวออกจากตลาดรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่าบริษัท Meta ซึ่งเป็นเจ้าของ WhatsApp ถูกขึ้นบัญชีเป็น "องค์กรหัวรุนแรง" ภายในรัสเซีย

ทั้งนี้ บริการโซเชียลมีเดียอื่นในเครือ Meta อย่าง Facebook และ Instagram ถูกแบนในรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2022 หลังจากเกิดความขัดแย้งทางทหารระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่จากชาติตะวันตกหลายแห่งตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาดรัสเซีย

ในสัปดาห์เดียวกันนี้ รัฐบาลรัสเซียได้เผยแพร่คำสั่งอย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดีปูติน ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดในการจำกัดการใช้งานซอฟต์แวร์จากประเทศที่ถูกจัดว่า "ไม่เป็นมิตร" ต่อรัสเซีย โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ด้านการสื่อสารที่ผลิตจากบริษัทในกลุ่มประเทศที่มีมาตรการคว่ำบาตรต่อมอสโก

คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินมาตรการจำกัดการใช้ซอฟต์แวร์ต่างประเทศภายในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า WhatsApp มีแนวโน้มจะอยู่ในบัญชีซอฟต์แวร์ที่ถูกจำกัด

แม้ยังไม่มีแถลงการณ์ตอบกลับอย่างเป็นทางการจาก Meta แต่แนวโน้มดังกล่าวตอกย้ำทิศทางของรัฐบาลรัสเซียที่มุ่งลดบทบาทของเทคโนโลยีต่างชาติ และเร่งส่งเสริมระบบนิเวศดิจิทัลของประเทศ ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ควบคุมได้เอง และมีการบูรณาการเข้ากับระบบราชการ

นักวิเคราะห์บางรายมองว่า หาก WhatsApp ถูกจำกัดการใช้งานจริง จะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อผู้ใช้ชาวรัสเซียจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการสื่อสารส่วนบุคคลที่ยังใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นช่องทางหลัก

ภายใต้กรอบนโยบาย "ดิจิทัลโซเวอเรนตี้" หรืออธิปไตยทางเทคโนโลยี รัสเซียมีแผนพัฒนาแอปสื่อสารที่ควบคุมได้ภายในประเทศ และมีกลไกรองรับการใช้งานร่วมกับภาครัฐ ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์หลักของเครมลินในการลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์จากต่างชาติอย่างยั่งยืน