...ตามมุมมองของผู้เขียนคิดว่าคนเราไม่ได้มีทัศนคติที่ดีมาโดยกำเนิด เพียงเพราะเราตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ความผิดพลาดที่แย่ที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตก็คือ การคิดว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ หากความคิดหรือทัศนคติของเราบอกว่าเราไม่สามารถทำได้ ก็เปรียบได้กับว่าเราได้พ่ายแพ้ ก่อนที่จะเริ่มต้นพยายามทำแล้ว ผู้เขียนอยากจะแบ่งปันวิธีฝึกปรับทัศนคติความคิดเพื่อรับมือกับปัญหาในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย จะมีวิธีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย..." วิธีที่ 1 :รักษาทัศนคติที่ดีเอาไว้ แม้ว่ากำลังตกอยู่ในภาวะยากลำบาก "...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงตัดสินใจที่จะดำเนินผ่านเหตุการณ์นั้นไปโดยทัศนคติที่ถูกต้องในระดับที่ควรเป็น อันที่จริงขอให้ตัดสินใจไว้ล่วงหน้าเลยว่า เราจะมีทัศนคติด้านบวกในท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นลบซึ่งถาโถมเข้ามา ถ้าเราตัดสินใจและใคร่ครวญไว้เช่นนี้ในช่วงที่เรามีความสุข เมื่อความทุกข์ย่างกรายเข้ามาเราก็จะสามารถรักษาทัศนคติอันดีไว้ได้ อย่างเช่น หากมีค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น จงเตรียมใจไว้ว่าเราจะต้องไม่บ่น แต่ในทางกลับกัน ให้มองว่าเหตุการณ์นี้ก็เป็นโอกาสให้เราได้หาวิธีที่จะลดค่าใช้จ่ายต่างๆลงอย่างสร้างสรรค์ และยังสามารถมีความสุขกับชีวิตได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินมากมายก็ได้ การรักษาทัศนคติที่ดีเอาไว้แม้กำลังเผชิญอยู่กับเหตุการณ์ด้านลบและจะไม่เปลี่ยนทัศนคติไปตามเหตุการณ์ด้านลบนั้นเป็นการรักษาท่าทีของการมีทัศนคติที่ดีเอาไว้หากกำลังเผชิญอยู่กับปัญหา และท่าทีนี้จะสามารถเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาสได้ เพราะเราเลือกที่จะรักษาทัศนคติที่ดีเอาไว้แม้ว่าเผชิญกับช่วงเวลาที่เลวร้ายก็ตาม..." วิธีที่ 2 :คิดไว้เสมอว่าช่วงเวลาแห่งความทุกข์ไม่ได้ยั่งยืนอยู่ตลอดไป "...ฤดูกาลยังมีหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป ฤดูกาลในชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เวลาแห่งความทุกข์ก็มีวันสิ้นสุดลงเช่นกัน เราอาจมีวันที่แย่ มีช่วงอาทิตย์ที่ผ่านไปได้ยาก เดือนทั้งเดือนมีแต่เรื่องราวที่ไม่ดี หรือบางคนอาจจะมีปีที่เต็มไปด้วยปัญหามากมาย แต่เวลาที่ต้องเผชิญกับสิ่งแย่ๆ เหล่านี้ก็มีวันสิ้นสุดลง หลายครั้งที่เราเองรู้สึกว่า ช่วงเวลาแห่งปัญหาเหล่านั้น ช่างยาวนานเหลือเกิน เรามักจะบ่นและท้อใจแทนที่จะลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนทัศนคติเหล่านั้นใหม่ หากเวลานี้คุณกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก สถานการณ์เหล่านี้อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณต้องเผชิญ ครั้งก่อนคุณก็ยังผ่านมาได้ และได้เรียนรู้ผ่านทางเหตุการณ์นั้น ครั้งนี้เราจะผ่านไปได้ด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นแค่เพียงชั่วคราว มันไม่คงอยู่ตลอดไป วันที่ดีกว่ากำลังจะมา ขอเพียงเรารักษาทัศนคติที่ดีเอาไว้แทนที่จะท้อใจ และจำไว้ว่าเวลานี้เป็นเพียงฤดูกาลหนึ่งในชีวิตแล้วมันก็จะผ่านไป..." วิธีที่ 3 :อย่ารีบตัดสินใจเรื่องสำคัญๆในขณะกำลังเผชิญกับปัญหา "...ไม่มีใครมีแต่วันที่สดใสเหมือนวันที่ดวงอาทิตย์ส่องสว่าง บางช่วงของชีวิตเราอาจจะเจอกับพายุซึ่งอาจเกิดจากความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน ตกงาน ปัญหาการเงิน ชีวิตสมรสและลูกๆ หรือเหตุการณ์สำคัญๆที่ก่อให้เกิดความกดดันและเคร่งเครียด เหมือนกับพายุที่โหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตมากมายหลายครั้ง บางครั้งก็เป็นเหมือนพายุลูกเล็กๆที่มักเกิดในฤดูร้อน มาไวไปเร็ว แต่บางครั้งพายุก็ใหญ่พอๆ กับเฮอริเคน 4 ลูกในเวลาเดียวกัน เมื่อพายุของชีวิตก่อตัวขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดที่เราควรทำก็คือ จงรักษาความคิดและอารมณ์ให้นิ่งสงบ มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ความคิดและความรู้สึกมักจะกระเจิดกระเจิงเมื่อเรากำลังเผชิญปัญหา แต่แท้ที่จริงแล้วนี่เป็นช่วงเวลาที่เราต้องระมัดระวังในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ เราต้องควบคุมตัวเองให้อยู่ในความสงบและเพ่งความสนใจในสิ่งที่เราสามารถทำได้ ให้อารมณ์เย็นลงมาก่อนที่จะตัดสินใจ เพื่อให้สิ่งต่างๆเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ที่เราจะตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ เราอาจไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ทุกครั้ง แต่ขอให้เราทำให้มากเท่าที่จะทำได้ คือรอตัดสินใจในเรื่องสำคัญเหล่านั้นเมื่อพายุในชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้ว เพราะความคิดของเราสามารถกระเจิดกระเจิงได้ อย่างที่เราเห็นลมที่พัดกระหน่ำ ขณะกำลังเกิดพายุ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เวลาที่ดีเลยที่เราจะตัดสินใจ เรื่องสำคัญๆของชีวิต..." วิธีที่ 4 :พยายามมองดูทุกเรื่องราวในทัศนียภาพที่เหมาะสม "...ความคิดของเราสามารถทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ในมุมมองที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงได้ เมื่อเราขาดทัศนียภาพที่เหมาะสม เราจะมองเห็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเป็นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรง หรือเราอาจทำสิ่งที่ตรงกันข้ามคือ มองเรื่องที่ควรให้ความสำคัญว่าเป็นเรื่องเล็ก แนวโน้มทั้งสองด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นการมองเรื่องใหญ่เกินจริง หรือเล็กกว่าความเป็นจริง ต่างก็นำไปสู่ปัญหาได้ทั้งสิ้น ดังนั้นเราจึงควรมองสิ่งต่างๆอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่ใช่มองดูแค่ส่วนเสี้ยว ผู้เขียนรู้จักกับชายคนหนึ่งซึ่งเราเป็นเพื่อนกัน เขาใช้เวลาหลายปีเพื่อพิสูจน์ว่าความคิดของตัวเองถูกต้องในหลายเรื่องที่คนอื่นไม่เห็นด้วย เขามักจะมีท่าทีโต้แย้งและฉุนเฉียวซึ่งทำให้เขาต้องเสียเพื่อนไปหลายคน เขาเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข เวลาผ่านไปหลายปี ในที่สุดผู้เขียนก็เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา เขาไม่ใช่คนที่ชอบโต้แย้งอีกในเวลาที่มีคนคิดต่างไปจากเขา หรือไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเขา ฉันถามเขาว่า อะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เขาตอบว่า "ความอยากเป็นคนที่ถูกต้องเสมอเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากเกินกว่าที่มันควรจะเป็น" เมื่อเขามองดูการเป็นฝ่ายถูก ด้วยทัศนียภาพที่เหมาะสม และนำไปเปรียบเทียบกับความยุ่งยากต่างๆ ที่เคยประสบมาในอดีต เขาก็พบว่ามันไม่คุ้มกันเลยที่จะดึงดันอยู่อย่างนั้น เราลองพยายามฝึกตนให้มองชีวิตในภาพรวม แทนที่จะให้ความสนใจเพียงจุดใดจุดหนึ่งซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่ การเอาแต่คิดถึงปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่มากเกินไป ก็ทำให้ปัญหานั้นดูใหญ่ขึ้นเกินจริง เมื่อคุณกำลังเผชิญอยู่กับเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ การ ขอให้คุณจงใช้เวลานึกถึงเรื่องราวดีๆสิ่งดีๆ ที่เคยทำให้คุณมีความสุข... ...ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีคุณค่าและประโยชน์ไม่มากก็น้อย ที่จะช่วยให้ผู้อ่านฝึกฝนตนเองให้มีทัศนคติที่ดีเสมอ เมื่อต้องเจอกับปัญหาใดก็ตาม การต้องทนทุกข์กับปัญหา เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น เราสามารถเลือกที่จะไม่มีความสุขและมองโลกในแง่ร้าย หรือเลือกที่จะมองโลกในแง่ดีและมีความสุขกันล่ะ มันอาจจะง่ายขึ้นถ้าเราพูดกับตัวเองว่า "ฉันรู้สึกว่าชีวิตคนเรานั้นมันไม่สมบูรณ์แบบ" และรับมือได้กับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเราทุกคนต่างต้องรู้จักปรับทัศนคติอยู่เสมอ และการปรับทัศนคติก็จะผลของการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของเรานั่นเอง...เครดิตภาพหน้าปก (Masukazaเจ้าของบทความ)ภาพประกอบทั้งหมดโดย (Masukasaเจ้าของบทความ)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !