คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของคนรุ่นใหม่หลายคน เมื่อมีการพูดคุย หรือเอ่ยถึงประเด็นของ “ศาสนา” ก็คือ ทำไมคนเราต้องมี “ศาสนา” ? เนื่องจากหลายคนเห็นว่าคนเราเกิดมาสามารถรับรู้ถึงผิดชอบ ชั่วดีได้ด้วยตนเอง แล้วทำไมเหล่าถึงจะต้องมีศาสนา วันนี้ไรท์จะมาไขข้อข้องใจในประเด็นนี้ให้กับทุก ๆ คนกันค่ะอันดับแรกเลยขอเริ่มที่ความหมายของคำว่า “ศาสนา” ซึ่งมีความหมายตามสำนักงานราชบัณฑิตยสภาว่า “คำสั่ง คำสอน คำสั่งสอน” และมีคำจำกัดความว่า “ระบบความเชื่อของมนุษย์อันมีหลัก คือแสดงกําเนิดและความสิ้นสุดของโลกเป็นต้น แสดงหลักธรรมเกี่ยวกับบุญบาปหรือการทำความดี งดเว้นสิ่งที่ไม่ควรทำ ทุกพร้อมทั้งมีพิธีกรรมที่กระทําตามความเห็นหรือตามคําสั่งสอนในความเชื่อนั้น ๆ”เครดิต : unsplashซึ่งบนโลกนี้มีศาสนาอยู่มากมาย และในส่วนของประเทศไทยเองนั้น ส่วนมากจะนับถือเป็น “ศาสนาพุทธ” แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอบอกก่อนว่าทุก ๆ ศาสนานั้นสอนเหมือนกันอยู่หนึ่งเรื่อง นั่นก็คือ “สอนให้เป็นคนดี” ดังนั้นหากจะถามว่าทำไมเราต้องมีศาสนานั้น ก็คงเป็นเพราะมนุษย์นั้นต้องการแรงยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ต้องการที่พึ่งทางใจเมื่อเจอกับความทุกข์นั่นเอง และเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดคำถามว่า ทำไมคนเราต้องมี “ศาสนา” ? ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้จักผิดชอบชั่วดี ส่วนตัวไรท์มองว่า มันเป็นเรื่องของความเชื่อที่ส่งต่อกันมาทอด ๆ จากรุ่นสู่รุ่นอยู่แล้ว การที่เด็กรุ่นใหม่รู้ว่าอะไรผิดชอบชั่วดี นั่นก็เพราะว่าได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่มาอีกที และพ่อแม่ก็ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากปู่ย่าตายาย ตามกันมาเป็นทอด ๆ ซึ่งมันทำให้พวกเราที่เป็นเด็กรุ่นใหม่เนี้ยะ รู้ไปโดยปริยาย ว่าผิดคืออะไร ถูกคืออะไรเครดิต : unsplashแต่หากคนเราไม่มีศาสนานั้น ณ ตอนนี้อาจจะไม่ได้มีปัญหา เพราะว่าเราทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรคือผิดถูก แต่หากรุ่นต่อ ๆ ไปจากเรา แล้วเราไม่มีศาสนา หากถึงตอนนั้นเรามาสอนเรื่องผิดชอบชั่วดี แล้วเด็ก ๆ ในอนาคตถามเราว่า ทำไมแบบนี้คือถูก ทำไมแบบนี้คือผิด แล้วทำไมต้องเชื่อ ใครเป็นผู้ตั้งกฎเกณฑ์นี้ขึ้นมา ซึ่งถึงตอนนั้นเราจะตอบยากนะคะ เพราะเราไม่มีศาสนาไง เราจะสื่อสารว่าต้องทำดีนะ จะได้ได้ดี ทำชั่วจะไม่ดีนะ แต่ไม่มีเหตุผลหรือที่มาชัดเจน ดังนั้นมันยากที่จะสอนถูกไหมคะ เพราะมันไม่มีแรงยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือแรงจูงใจนั่นเองเครดิต : unsplashและอีกหนึ่งเหตุผลที่ไรท์คิดว่า “ศาสนา” มีส่วนสำคัญนั่นก็เพราะว่า ยังมีคนอีกหลายพันล้านคนบนโลกใบนี้ที่ไม่ได้เข้มแข็งเหมือนกับเรา ในวันที่เขาอ่อนแอ จากการโดนทำร้าย หรือท้อแท้ต่อชีวิตเมื่อเจอเรื่องแย่ ๆ การหันมาพึ่งพาศาสนานั้นก็สามารถช่วยบรรเทาอาหารวิตกกังวนกับชีวิตของใครหลาย ๆ คนมานักต่อนักแล้ว ดังนั้น แล้วแต่จิตใจของแต่ละคนเถอะค่ะ แล้วอย่าเอาตนเองไปตัดสินกับคนอื่น คนที่เขามีความเชื่อของเขา ก็อย่าไปดูถูกความเชื่อของเขา และเช่นกันคนที่เขาไม่ได้เชื่อ ก็อย่าไปว่าหรือไปบังคับให้เขามาเชื่อเลย ของแบบนี้มันควรเป็นสิ่งที่คน ๆ หนึ่งต้องเลือกเองนะคะ ใช้ชีวิตของตนเองในแบบที่ตนเองมีความสุข แล้วไม่เดือดร้อนใครก็พอค่ะ แล้วมาพูดคุยกันใหม่ในประเด็นอื่น ๆ ครั้งหน้านะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ :)เครดิตภาพหน้าปก : unsplash