มิติในจักรวาลประกอบด้วยหลายมิติ มิติที่ห้าเป็นมิติที่นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกยังเข้าไม่ถึง และเป็นมิติที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยตาเนื้อ หรือพิสูจน์ได้ด้วยกายหยาบ จนกว่าเทคโนโลยีจะไปถึงจุดนั้น ก็ต้องเป็นการบรรลุธรรมเท่านั้นที่จะเข้าถึงมิติที่ห้า ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ก็พยายามไปสู่มิติที่ 5 โดยอาศัยเสาหลักอย่างทฤษฎีควอนตัมในการนำพาไปถึงหนังสือเล่มนี้เป็นภาคต่อของความลับแห่งจักรวาล ทางแห่งนิพพาน แต่ถ้าไม่เคยอ่านมาก่อนก็สามารถอ่านมิติที่ห้าได้เข้าใจเช่นกัน เพียงแต่มิติที่ห้าเล่มนี้จะขยายความจากสิ่งที่เล่มก่อนหน้ายังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด ซึ่งเขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา เนื้อหาภายในเล่มมิติที่ 4มิติแห่งพุทธทฤษฎีทะลุมิติโลกแห่งอนาคตมิติที่ 5การข้ามเวลาท่องไปในอวกาศประตูข้ามจักรวาล ความรู้ความประทับใจที่ได้จากมุมมองครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าเวลาบนดาวเทียมกับเวลาบนพื้นโลกไม่เท่ากัน แม้จะตั้งเวลาเริ่มต้นให้เท่ากัน นี่แสดงให้เห็นว่าเวลายืดหดได้ ความจริงข้อนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบว่า ในที่ความสูงหรือความโน้มถ่วงเปลี่ยนแปลงมากๆ เวลาจะมีความสัมพันธ์กับสภาพสามมิติ เช่น ยานอวกาศที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจะมีขนาดเล็กลง เวลาก็จะเดินช้าลงด้วย ส่วนยานอวกาศที่อยู่ในความโน้มถ่วงต่ำ ยานจะมีขนาดใหญ่ขึ้น เวลาก็เดินเร็วขึ้น เครื่องบินไอพ่นที่ความเร็วเสียงก็มีขนาดเล็กลงด้วย เพียงแต่ตาของเราแยกแยะความแตกต่างไม่ได้ เพราะความเร็วที่เทียบกับแสงแล้วมันน้อยมากๆ ได้เรียนรู้ว่าเวลาจึงไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นว่า 1 วินาทีต้องเป็นเท่านี้ 1 วันต้องยาวเท่านี้ แต่ตัวกำหนดคือจักรวาล ช่วงเวลาที่เรารู้สึกเป็นจริงเฉพาะบนพื้นโลกเท่านั้น บนดาวดวงอื่น 1 วินาทีนั่นก็ยาวนานไม่เท่าบนพื้นโลก แม้แต่บนดวงจันทร์ก็ด้วย แต่ไม่ว่าอยู่มิติใดของจักรวาลก็หนีกฎแห่งไตรลักษณ์ไม่พ้น แม้เวลาจะเดินช้า แต่ยังอยู่ใต้กฎแห่งความเสื่อมอยู่ดี ได้เรียนรู้ว่าก่อนกำเนิดจักรวาล ยังไม่มีเวลา เวลาเริ่มนับตั้งแต่เกิดบิ๊กแบง ช่วงจักรวาลกำเนิดใหม่ๆ อุณหภูมิจะสูงมาก เวลา 1 นาทีขณะนั้นเทียบเท่ากับ 1 หมื่นล้านปีในปัจจุบันเลยทีเดียว เมื่อจักรวาลขยายตัวออกไปเรื่อยๆ อุณหภูมิในระบบจะค่อยๆลดลง เวลาจึงเดินช้าลงด้วย ได้เรียนรู้ว่าการนั่งสมาธิคือการอยู่นิ่ง ทำให้ไม่สามารถสัมผัสสนามฮิกส์ แต่การเจริญสติมีการกำหนดความเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเดินจงกรม ซึ่งเมื่อกำลังสติสูงขึ้น ละเอียดขึ้น จะรู้สึกถึงการเคลื่อนผ่านไปในพลังของจักรวาลหรือสนามฮิกส์ เมื่อสภาวะจิตละเอียดขนาดนั้น ผู้บรรลุญาณจะสามารถมองทะลุเข้าไปในร่างกายตัวเองได้ เห็นเส้นเลือด หัวใจ โครงกระดูก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง ได้เรียนรู้ว่าปลาในน้ำ ย่อมจินตนาการถึงนกบินไม่ได้ถ้ามันไม่เห็น เช่นเดียวกับมนุษย์ที่อยู่ในสนามโน้มถ่วงที่หนาแน่นกว่ามิติอื่น ทำให้ไม่เชื่อว่า จะมีมิติอื่นที่มีสิ่งมีชีวิตสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ได้เรียนรู้ว่าในพระคิริมานนทสูตร อธิบายเกี่ยวกับขนาดของจักรวาลว่าเบื้องล่างสุดเป็นความว่างเปล่าหาที่สุดมิได้ เบื้องบนก็ว่างเปล่าเหมือนกัน สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ที่ว่าเบื้องล่างคือการศึกษาสิ่งที่เล็กที่สุดลงไปเรื่อยๆตามทฤษฎีควอนตัม ก็จะพบว่าหาที่สิ้นสุดมิได้ เบื้องบนก็คือจักรวาลหาที่สิ้นสุดไม่ได้เช่นกัน พระพุทธองค์ตรัสว่าพ้นขอบเขตจักรวาลของเราแล้วยังมีจักรวาลอื่นๆอีกนับอนันต์ (อนันตจักรวาล) และเวลาในจักรวาลก็ประมาณไม่ได้จึงใช้คำว่าอสงไขย (Infinity) ได้เรียนรู้ว่าภูมิจิตภูมิธรรม คือ สภาวะที่จิตสามารถยกระดับขึ้นสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นได้อย่างคงที่ แม้ยังต้องมีกายหยาบใช้ชีวิตอยู่ในมิตินี้ แต่เมื่อเสียชีวิต จิตจะนำพาให้ไปเกิดในภพภูมิที่เหมาะสมกับภูมิจิตนั้นทันที ใครที่เกิดมาในชาตินี้ตกระกำลำบาก อย่าได้สิ้นหวัง หมั่นฝึกจิต สร้างภูมิจิต ภูมิธรรม ชาติภพหน้าจะดีขึ้น ส่วนคนที่มีชีวิตที่สบายในชาตินี้แล้ว อย่าประมาท ยังมีภพต่อไปอีกไม่สิ้นสุดจนกว่าจะบรรลุเข้าสู่มรรคผลนิพพานถึงจะหลุดพ้น ได้เรียนรู้ว่าคนเราเมื่อเสียชีวิต ข้อมูลต่างๆที่เราเคยประสบพบเจออย่างเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จะไม่สูญหาย มันถูกเก็บไว้อีกมิติหนึ่ง พร้อมแสดงผลเมื่อได้เกิดใหม่อีกครั้ง โดยจิตเป็นตัวเก็บข้อมูล เก็บไว้ได้จากทุกมิติ ทุกภพชาติ การตายแล้วสูญไม่มีเกิดใหม่จึงผิดถนัด สอดคล้องกับทางวิทยาศาสตร์ที่สันนิษฐานว่าเส้นขอบฟ้าหลุมดำ คือตัวบันทึกข้อมูลของจักรวาลไว้ ได้เรียนรู้ว่าจิตของมนุษย์สามารถเข้าสู่มิติที่ 5 ได้ คนที่มีพรสวรรค์คาดการณ์หยั่งรู้อนาคตได้ บางครั้งก็มาในรูปของความฝัน สังหรณ์ใจ หรือปรากฏการณ์เดจาวู ล้วนเป็นปรากฏการณ์ทางจิตที่สามารถทะลุมิติชั่วขณะ ในทางพุทธเรียกว่า อนาคตังสญาณ เนื่องจากมิตินี้สามารถมองข้ามเวลาในมิติที่สี่ได้ ทำให้หยั่งรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น ได้เรียนรู้ว่าหากยังมีมวลจะไม่สามารถข้ามมิติได้ เพราะมวลสร้างมาจากความเร็วแสงมิตินี้ ถ้ามวลข้ามไปมิติอื่นมันจะสลายทันที ดังนั้น ถ้าร่างกายเราไปข้ามมิติก็จะสลายหายไปทันที การข้ามมิติจึงต้องใช้สิ่งที่ไม่มีมวล ด้วยเหตุนี้การข้ามมิติที่ 4 คือข้ามเวลา โดยอาศัยการผ่านมิติที่ 5 เพื่อย้อนไปดูเหตุการณ์ในอดีต ต้องไปแบบไม่มีมวล อาจจะเป็นจิตที่ผ่านการฝึกฝนสั่งสมอินทรีย์ก็ได้ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครีเอเตอร์ตระหนักถึงความจริงในทางพุทธและความเหลือเชื่อในฟิสิกส์อวกาศมากขึ้น แม้ทั้งสองศาสตร์จะดูไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย แต่ถ้าพิจารณาถึงความเป็นไปของทั้งสองศาสตร์แล้ว จะพบว่ามีความเกี่ยวข้องกันด้วยสุดท้ายแล้วการเข้าถึงมิติที่ห้าก็ไม่สามารถช่วยให้บรรลุมรรคผลนิพพานแต่อย่างใด มิติที่ห้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการอยู่เหนือมิติที่เป็นอยู่ปัจจุบันเท่านั้น และต้องการจะชี้ให้เห็นว่าจักรวาลยังมีอะไรอีกมากที่รอเราค้นพบ ดังนั้น เราจึงไม่เห็นนรกหรือสวรรค์ด้วยเพราะมิติที่แตกต่างกันนั่นเองเครดิตภาพภาพปก โดย vecstock จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย vecstock จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย jcomp จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ ความลับของจักรวาลทางแห่งนิพพาน โดย ทันตแพทย์สม สุจีรารีวิวหนังสือ คิดแบบอัจฉริยะ โดย ทันตแพทย์สม สุจีรารีวิวหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็นรีวิวหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น 2รีวิวหนังสือ โชคดีที่เรียนหมอ โดยทันตแพทย์สม สุจีราเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !