"กลไกตลาด...หลักที่ทันสมัย"จากสถานการณ์โคโรน่าไวรัส-19 ระบาด และทำให้ประเทศหยุดชะงัก รัฐบาลพยายามควบคุมสถานการณ์การระบาด ด้วยการประกาศปิดร้านเหล้า ร้านผับ ร้านบาร์ ปิดกิจการหลายๆภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานเริงรมย์ ทำให้หลังจากปิดร้านผับบาร์ จะพบว่าร้านค้าที่มีเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์จำหน่ายขายของได้ดีขึ้น ประกอบกับสามารถขายของอื่นที่เป็นกับแกล้มได้อีกด้วยในปีที่2563 หลังจากการประกาศปิดร้านนั่งดื่มไม่นาน สิ่งที่ตามมาคือผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดก็ออกประกาศให้ร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์หยุดจำหน่าย (สั่งปิดร้าน) ในช่วงสงกรานต์ บางจังหวัดโชคดีสั่งปิดเฉพาะร้านค้า ที่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราประเภท 2 ดังนั้นในช่วงสงกรานต์จะพบว่าบางจังหวัดยังมีการจำหน่ายสุราอยู่ด้วยร้านค้าประเภท1 แต่แล้วหลังสงกรานต์มาก็เหมือนสายฟ้าฟาดกลางอากาศ เนื่องจากผู้ว่าจังหวัดที่เหลือที่ให้ร้านที่มีใบอนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์จำหน่ายก็ห้ามจำหน่ายเหมือนกันทั้งประเทศผลปรากฏที่ตามมา เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของผู้สูงอายุหลายๆท่านที่ว่า "ตั้งแต่เกิดมา ป้ายังไม่เคยเห็นถูกสั่งให้ปิดร้านเลย" สายฟ้าส่งมาทำให้ร้านค้าหลายๆร้าน (ที่กล้าขาย) ได้กำไรเกือบเท่าจากที่เคยขาย แสดงให้เห็นว่า ในความเป็นใครบอกว่าคนไทยไม่มีเงิน จากเหตุการณ์นี้ กำไรมาเห็นๆ คนไทยไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยแต่คนไทยเพื่อซื้อเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ และยิ่งถ้ารัฐบาลปิดนานเท่าไหร่ ยิ่งเป็นช่วงหากินของร้านค้าเล็กๆตามหมู่บ้านที่ได้ค้ากำไรเกินควรหงส์กลม 1 กลม ปกติขายอยู่ 250-260 บาท มาเจอพิษโควิด คนขายพอใจในการขายในราคากลมละ 300-350 บาทเบียร์ช้าง 1 ลัง ปกติขายอยู่ 585 -590 บาท ช่วงพิษโควิด สามารถขายได้ลังละ 700 บาทเบียร์ลีโอ 1 ลัง ปกติขายอยู่ 605 - 614 บาท ช่วงพิษโควิด สามารถขายได้ลังละ 700 บาทจากตารางข้างต้นสิ่งที่ปรากฎอย่างชัดเจนคือ ความต้องการซื้อสินค้าของผู้ซื้อ และความต้องการขายสินค้าของผู้ขาย ในราคาที่สามารถตกลงการขายกันได้ เมื่อมาเจอกันในราคาที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน คนซื้อยังมีความพึงพอใจที่จะซื้อ เพราะไม่สามารถหาที่ซื้อได้ ราคานี้น่าจะเป็นราคาประเมินความเสี่ยงที่อาจจะถูกจับ ถ้าถูกล่อซื้อ หรือเป็นจุดที่ทำให้รู้สึกถึงความคุ้มทุนต่อความเสี่ยงจากบทพิสูจน์ข้างต้นถือเป็นการพิสูจน์ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ ในด้านกลไกตลาด กลไกราคา ที่มีอยู่จริง และสามารถนำมาใช้ได้จริง และยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถใช้เป็นบทพิสูจน์ในด้านทฤษฎีผู้ขายน้อยราย ทำให้สามารถกดราคาจากที่เคยอยู่ในจุดสมดุลตามที่เคยขาย เมื่อผู้ขายน้อยลง ราคาก็สามารถถูกกำหนดโดยผู้ขายได้มากขึ้นและเมื่อกลับสู่สถานการณ์ปกติ ผู้ซื้อถือเป็นผู้กำหนดราคาทางการขาย เนื่องจากผู้ซื้อสามารถสำรวจราคาในท้องตลาดและมาหาจุดที่ตนเองพอใจที่จะซื้อและตกลงราคากับทางผู้ขายได้ นั่นคือสิ่งที่ปรากฎในสังคมโลกในทุกวันนี้ยกตัวอย่างเช่นงานรับเหมาสร้างบ้าน 1 หลัง มีการยื่นซองเสนอราคา แต่ละบริษัทอาจจะเสนอราคาที่ไม่เท่ากัน ในบางครั้งราคาที่ต่ำกว่าก็อาจจะไม่ได้ถูกเลือกในการประมูลเสมอไป เนื่องจากมีวัตถุประสงค์อื่นในการประกอบการพิจารณา อาทิเช่นบริษัท A อาจจะเสนอราคาที่สูงกว่า บริษัท B ประมาณ 50,000 บาท แต่ต่ำกว่าบริษัท C ประมาณ 20,000 บาท แต่ใช้วัสดุในการสร้างที่ดีกว่าบริษัท B ก็อาจจะทำให้ผู้สร้างบ้าน เลือกใช้บริษัท A แทนบริษัท B ถึงแม้จะมีราคาที่ถูกกว่าในด้านการซื้อของขายของกันก็เช่นกัน ผู้ซื้อมีสิทธิที่จะเลือกซื้อสินค้าและบริการจากผู้ขาย ซึ่งจุดหนึ่งที่ร้านหนึ่งอาจจะสามารถทำราคาได้ถูกกว่าร้านหนึ่ง แต่ลูกค้าเลือกที่จะซื้อร้านที่แพงกว่ากันเล็กน้อย เพื่อซื้อจุดอื่นที่ไม่สามารถให้เหมือนกัน อาทิเช่นการบริการที่รวดเร็ว ความเรียบร้อยของงาน วัสดุอุปกรณ์ที่เลือกเสนอ ความสัมพันธ์กันระหว่างผู้ติดต่อประสานงาน ผลงานที่ผ่านมาจากทฤษฎีทางฌศรษฐศาสตร์ ของ อดัม สมิธ ที่อธิบายว่า "ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม “กลไกตลาด” จะเป็น “มือที่มองไม่เห็น” สิ่งที่จะใช้ในการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่ “มือที่มองไม่เห็น” จะเป็นตัวจัดการทรัพยากรและการผลิตสินค้าและบริการต่างๆ ให้เข้าสู่ “จุดดุลยภาพ” เสมอ" ข้อมูลเพิ่มเติมhttp://www.sro.moph.go.th/ewtadmin/ewt/saraburi_web/main.php?filename=index ขอบคุณภาพประกอบภาพปก : โดยผู้เขียนภาพที่ 1 : จากWebsite ประกาศสาธารณสุขสระบุรี http://www.sro.moph.go.th/ewtadmin/ewt/saraburi_web/main.php?filename=indexภาพที่ 2 : ขอขอบคุณร้านขายส่งในอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีที่ให้ถ่ายรูปภาพที่ 3 - 5 : ผู้เขียนจัดทำขึ้น เพื่อประกอบการอิบาย