เยอรมนีเริ่มคลายกฎ 'สวมหน้ากากอนามัย' ในโรงเรียน

เบอร์ลิน, 5 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (4 ต.ค.) กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี รวมถึงรัฐบาวาเรีย ประกาศผ่อนปรนข้อกำหนดสวมหน้ากากอนามัยในรั้วโรงเรียน ต่อจากรัฐซาร์ลันด์ ซึ่งเป็นรัฐแรกของประเทศที่ผ่อนปรนข้อกำหนดดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน

อันยา คาร์ลิกเชก รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแห่งสหพันธรัฐ เผยกับสื่อท้องถิ่นถึงการยุติข้อกำหนดสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียนว่า "การสวมหน้ากากอนามัยรบกวนการเรียนการสอนแบบปกติ และสร้างความตึงเครียดให้นักเรียน"

เบอร์ลินวางแผนยกเลิกข้อกำหนดสวมหน้ากากอนามัยสำหรับชั้นเรียนอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ส่วนรัฐบาวาเรียอนุญาตนักเรียนถอดหน้ากากอนามัยในชั้นเรียน ขณะที่รัฐอื่นๆ อาทิ บาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค และซัคเซิน กำลังพิจารณาการผ่อนปรนที่คล้ายคลึงกัน

"อย่างไรก็ดี โรงเรียนต้องดำเนินการตรวจโรคต่อไป หรือเพิ่มการตรวจโรคให้มากขึ้นอีก เมื่อผ่อนปรนข้อกำหนดสวมหน้ากากอนามัย" คาร์ลิกเชกกล่าวเตือน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จำนวนผู้ป่วยอาจเพิ่มขึ้นหลังวันหยุดฤดูใบไม้ร่วง

สถาบันโรแบร์ตค็อก (RKI) หน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคของเยอรมนี ระบุว่าอัตราอุบัติการณ์ของโรคโควิด-19 ในประเทศ ระยะ 7 วัน ยังคงทรงตัว โดยอัตราดังกล่าวของวันจันทร์ (4 ต.ค.) อยู่ที่ผู้ป่วย 64.7 รายต่อประชากร 100,000 ราย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 64.2 รายในวันก่อนหน้า และ 61.7 รายในสัปดาห์ก่อน

ด้านจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยตรวจพบผู้ป่วยเพิ่ม 3,088 ราย ในวันจันทร์ (4 ต.ค.) มากกว่าเมื่อวันจันทร์ก่อน (27 ก.ย.) เพียง 66 ราย

ทั้งนี้ การยกเลิกข้อกำหนดสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียนกลายเป็นประเด็นถกเถียงในเยอรมนีมานานหลายวัน โดยตัวแทนแพทย์เห็นด้วยกับแผนการดังกล่าว แต่กลุ่มนักไวรัสวิทยามองว่ายังเร็วเกินไป เนื่องจากกฎระเบียบเว้นระยะห่างทางสังคมไม่สามารถนำมาใช้ในห้องเรียนได้ และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ยังไม่สามารถรับวัคซีนได้