นักลงทุนสาย VI (Value Investor) คนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จจริงๆคนหนึ่งทั้งเรื่องการลงทุนและการใช้ชีวิตส่วนตัว ก็คือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่สามารถลงทุนเอาชนะตลาดได้สำเร็จ แม้จะเจอกับความล้มเหลวมาบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับหายนะ และสามารถรักษาสถานภาพจนต่อยอดมาเป็นนักลงทุนระดับเซียนในที่สุด สำนักพิมพ์พราวได้รวบรวมบทสัมภาษณ์และบทความที่ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เคยนำมาเผยแพร่แล้วมาสรุปรวบรวมเป็นหนังสือเล่มเดียว ต้องเข้าใจก่อนว่านี่ไม่ใช่หนังสือที่อาจารย์นิเวศน์เคยขึ้นมาเองเหมือนบทความของหนังสือเครือซีเอ็ด ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.ชีวิตที่มีอิสรภาพทางการเงินคือ ชีวิตที่ออกแบบได้และชีวิตที่หมดกังวลเรื่องเงิน 2.กฎของความมั่งคั่งเปรียบเป็นตะเกียง 3 ดวง ดวงที่ 1 คือ เงินต้น ดวงที่ 2 คือ การลงทุน ดวงที่ 3 คือ เวลา ทุกคนมีตะเกียง 3 ดวงเท่ากันแต่จะเปิดติดมั้ย ความสว่างเท่ากันหรือไม่ สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติเจ้าของตะเกียง ถ้าใครเปิดติดตะเกียงของตัวเองติด และทุกดวงมีความสว่าง ทำให้มองเห็นทางชัดเจน คนคนนั้นแหละ “รวย” แน่ แต่ถ้าใครเปิดแล้วมันริบหรี่ โอกาสรวยก็ยากแน่นอน (แต่ไม่ใช่ว่าไม่มี) 3.เรื่องน่าเศร้าคือ ทุกคนมีตะเกียงติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ตะเกียงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถึงคุณจะอิจฉาตะเกียงของคนอื่นก็ช่วยอะไรไม่ได้ การอิจฉาแต่ไม่ลงมือสร้างเท่ากับยอมแพ้ นี่คือสัจธรรมโลก ดังนั้นคุณต้องยอมรับ แล้วนำความพยายามของตัวเองมาเป็นเชื้อเพลิงเติมใส่ตะเกียง แม้ว่ามันจะติดยากกว่าคนที่มีต้นทุนอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครบอกเลยว่าตะเกียงของคุณไม่มีทางจุดติด มันจุดติดจนสว่างแน่นอน แค่ต้องใช้เวลา 4.อายุการลงทุนเฉลี่ยของคนจะอยู่ที่ 50 ปี แล้วจะลงทุนยังไงให้ 50 ปีของตัวเองมันคุ้มค่า คำตอบคือ ทำยังไงก็ได้ให้มันงอกเงยเป็นเท่าตัวจนคุณสามารถชนะเงินเฟ้อได้ สมมติว่า...คุณลงทุนในหุ้นปันผล 5% ต่อปี ผ่านไป 50 ปี คุณจะมีเงิน 10 เท่าของเงินต้น ลงทุนในหุ้นปันผล 10% ต่อปี ผ่านไป 50 ปี คุณจะมีเงิน 100 เท่าของเงินต้น ลงทุนในหุ้นปันผล 15% ต่อปี ผ่านไป 50 ปี คุณจะมีเงิน 1,000 เท่าของเงินต้น 5.คนที่ประสบความสำเร็จจะมี Growth Mindset เชื่อว่า..... ปัจจุบันที่เป็นอยู่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการพัฒนา มนุษย์พัฒนาได้ด้วยการให้คุณค่า อยากท้าทาย พยายาม และเรียนรู้ ในขณะที่คนทั่วไปจะมี Fixed Mindset เชื่อว่าคุณสมบัติของตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และกลัวความผิดพลาดหรือล้มเหลวจนไม่กล้าทำสิ่งที่ไม่เคยทำ จึงประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น 6.ในชีวิตของคนมี 2 เส้นทางให้เลือกเสมอ (1) เป็นนักสู้ ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็น เพราะธรรมชาติสร้างมาแบบนี้อยู่แล้ว (2) เป็นนักเลือก เลือกว่าจะคัดสิ่งไหนเข้ามา สำหรับการลงทุนสาย VI นักเลือกเท่านั้นที่จะอยู่รอด 7.การลงทุนในตัวเองนั้นมีข้อดีก็คือ ตัวเราจะมีค่ามากขึ้น และมันจะติดตัวตลอดไป ไม่มีใครมาเอาไปได้ การลงทุนนี้จะทำให้คนสามารถใช้แรงงานของตัวเองหาเงินได้ ดังนั้น หนทางสำคัญที่สุดสำหรับทุกคนที่อยากรวยหรือมีชีวิตที่ดีขึ้น จงอย่าลืมลงทุนในตัวเอง 8.เรียนมาก เราก็มักจะทำเงินได้มากขึ้น โดยไม่ได้มองเฉพาะด้านผลตอบแทนทางการเงิน เพราะถ้ามองแค่นั้นก็ยอมรับว่าไม่คุ้ม เงินเดือนขั้นต่ำของคนไทยยังอยู่ที่ 15,000 บาทในขณะที่กว่าจะเรียนจบใช้เงินส่งเสียมหาศาล แทบจะซื้อบ้านได้หลังหนึ่ง แต่การศึกษาให้ผลตอบแทนที่ไม่ใช่ตัวเงินด้วย เช่น สังคม การใช้ชีวิต ความเข้าใจโลก ซึ่งมีความหมายมากกว่า ยิ่งได้เข้าไปศึกษามากก็ยิ่งเข้าใจโลก พูดง่ายๆ คือ ความรู้ทำให้คุณเป็นคนที่สมบูรณ์ขึ้น 9.คนที่อยู่ด้วยกันนานๆ ความรักจะไม่ใช่ความโรแมนติก แต่สิ่งที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้คือ ความเป็นเพื่อน เราต้องยอมรับ เข้าใจกันได้ และเรายินดีที่จะปะทะกับข้อเสียของอีกฝ่าย เพื่อหาแนวทางที่จะไปกันต่อ บางช่วงบางตอน ชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่นตลอด บางทีเบื่อหรือพบเจออะไรบางอย่างถ้าไม่อดทนก็จบเกม บางคนอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ดีก็หาใหม่ แต่ในที่สุดคุณก็จะเจอแบบเดิม ไม่มีใครบนโลกมีแต่ข้อดี ชีวิตคู่บางครั้งก็เป็นเรื่องที่เราต้องทนบ้าง ความอดทนไม่ใช่คำที่เราควรเลี่ยง เพราะความอดทนนำไปสู่ความเข้าใจและการยอมรับ 10.มีอยู่ 2 เรื่อง ที่คนไทยไม่ค่อยคุยกับลูกคือ 1. เซ็กส์ 2. เงิน รักลูกต้องสอนให้เห็นคุณค่าของเงิน แต่ไม่มีใครบอกเลยว่าสอนยังไง แล้วการออมคือแค่หยดกระปุกเหรอ? มันไม่ใช่ ลูกควรรู้ด้วยว่า วิธีการที่จะทำให้เงินงอกเงย ไม่ใช่แค่หยอดเหรียญทุกวัน แค่นี้ไม่เรียกว่ามีวินัยทางการเงิน 11.บ่อยครั้งที่ผู้ปกครองทำให้เรื่องเงินมันยากสำหรับเด็ก เช่น คุณบอกลูกว่า รู้มั้ย... เงินมันหายาก ต้องรู้จักเก็บ สุดท้ายเด็กก็มีความรู้สึกว่า เงินมันหายากจริงๆ ซึมเข้าไปในจิตสำนึกอาจจะกลัว ไม่อยากโตไปทำงานหรือเก็บจนไม่รู้จักใช้เงิน 12.นิสัยทั้ง 10 ประการของเซียนหุ้น (1)รักษาเงินต้นสำคัญกว่าทำกำไร (2)ปรัชญาการลงทุนต้องชัด ไม่ถือยาว ถือสั้นตามใจชอบ (3)ไม่ชอบความเสี่ยง ชอบความแน่นอน แต่ได้เปรียบ (4)ลงทุนในสิ่งที่รู้และวิเคราะห์ด้วยตัวเอง (5)ถือหุ้นน้อยตัว ในปริมาณมาก (6)EQ สูง อดทน ใจเย็น รอได้ (7)Cut loss เป็น ไม่ยอมติดหุ้น (8)เหตุผลสำคัญกว่าอารมณ์ (9)ชอบติดตามความเป็นไปของกิจการ ไม่สนราคาหุ้นระยะสั้น (10)สมถะแม้จะรวยมาก 13.วิธีคำนวณทุนเกษียณของตัวเอง Step 1 ประมาณอายุเกษียณและอายุขัยของตัวเอง โดยปกติแล้วมนุษย์เงินเดือน มักจะถูกกำหนดให้ทำงานได้ถึงอายุ 60 ปี แต่ยังต้องดำรงชีวิตอยู่จนอายุถึง 70 - 80 ปี บางคนอายุยืนถึง 100 ปีก็มีซึ่งคุณสามารถประมาณอายุขัยได้จากคนในครอบครัว + สุขภาพของตัวเอง Step 2 คํานวณค่าใช้จ่ายในยามเกษียณ เช่น ถ้าตอนนี้คุณอายุ 35 ปี จะเกษียณตอนอายุ 60 ปีและคาดว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงอายุ 80 ปี คิดว่าจะมีค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ 20,000 บาทต่อเดือน แต่ต้องอย่าลืมว่า ในแต่ละปีค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายจะแพงขึ้นเรื่อยๆ ควรคำนวณอัตราเงินเฟ้อเข้าไปด้วย (3% ต่อปี) ทำให้เงิน 20,000 บาท ในวันนี้มีมูลค่าเพิ่มเป็น 41,875 บาทในอีก 25 ปีข้างหน้า เท่ากับจะต้องมี 8,323,028 บาท 14.นิยามคำว่า"เติบโตตลอดชีวิต" (1). ตั้งอยู่ในความสมถะ ไม่ทะนงตนเองเกินไป (2) การไม่หยุดศึกษาและอ่านหนังสือตลอดชีวิต (3). ทำในสิ่งที่เป็นการทบต้น หมายถึง เมื่อทำอะไร สำเร็จไปแล้ว ก้าวต่อไปก็ต้องต่อยอดจากความสำเร็จนั้นโดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ตลอดเวลา (4). ไม่ทำอะไรนานเกินไป โดยเฉพาะถ้าสิ่งที่ทำนั้น ไม่นำไปสู่ความสำเร็จมากขึ้น 15.บัฟเฟตต์ชอบเรื่องตัวเลขมาก แต่ไม่ได้ชอบเงิน เขาแค่ชอบการลงทุน ชอบเพราะมันขับเคลื่อนชีวิตให้อยากตื่นมาตลอด 50 - 60 ปีที่อยู่กับสิ่งที่รักจึงเหมือนการเต้นรำไปทำงาน สำหรับบัฟเฟตต์ หุ้นคงไม่ใช่งาน แต่เหมือนการเล่นมากกว่า คีย์เวิร์ดสำคัญที่จะทำให้คุณรู้ว่า “อะไรที่เป็นสิ่งที่คุณรักคือ ให้คุณเลือกงานได้งานเดียว แม้ว่าจะรวยล้นฟ้า แต่คุณจะเลือกทำงานนี้ คุณจะทำอะไร? 16.หนังสือที่แนะนำให้ VI ได้อ่าน คือ Sapiens : A Brief History of Humankind เขียนโดย ยูวัล แฮรารี เล่าเรื่องราวของมนุษย์พันธุ์เซเปียนตั้งแต่เริ่มต้นวิวัฒนาการ การก่อร่างสร้างเมือง การสร้างความเชื่อวิถีชีวิต และการเอาชนะสัตว์ทั้งปวง รวมถึงมนุษย์ด้วยกันเอง แฮรารีบอกว่า ที่เซเปียนส์พัฒนาตนเองได้เร็วมากเพราะมนุษย์มีจิตสำนึก รู้จักคิด และมี “จินตนาการ”สามารถคิดฝันและเชื่อในสิ่งที่ไม่มีตัวตน รวมถึงปฏิบัติไปตามความเชื่อนั้นได้ เช่น เรื่องของ “เงิน” ที่ทุกคนเชื่อว่ามันสามารถเอาไปซื้อสินค้าและบริการได้ ทั้งๆ ที่มันแค่เป็นก้อนโลหะ กระดาษแผ่นบาง หรือตัวเลขดิจิทัลในระบบเท่านั้น เงินทำให้มนุษย์ยินยอมทำงานหรือทำทุกวิถีทางเพื่อได้มันมา ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการมีชีวิตรอด อีกส่วนหนึ่งก็ต้องการเก็บออมไว้ คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะสามารถ “ต่อยอด” ความคิดเพื่อเชื่อมโยงเรื่องอื่นๆ ได้ดี และไม่ถูกทำให้เกิด “ความลำเอียง” 17.หนังสือแนวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับตลาดหุ้น A Random Walk Down Wall Steet โดย Burton Malkiel เป็นหนังสือที่อิงอยู่กับทฤษฎี 'ตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพ' ไม่มีกลยุทธ์ใดจะสามารถเอาชนะตลาดได้อย่างยั่งยืน ยกเว้นแต่จะต้องเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น เนื้อหาไม่ได้บอกวิธีการลงทุนที่จะเอาชนะตลาด แต่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของตลาดหุ้น เรื่องที่คนเข้าใจผิด และให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกคนและทุกแนว อ่านแล้วจะทำให้เราเห็นพัฒนาการระยะยาวของตลาดหุ้นในโลกจนถึงปัจจุบัน เพราะการชนะตลาดต้องมาจากการชนะความคิดคน และการศึกษาความคิดคนที่ดีที่สุดคือการศึกษาประวัติศาสตร์ 18. ควรเลือกหุ้นที่เป็น Super Stock หรือหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้สูงอย่างไม่น่าเชื่อ... Super Stock ส่วนใหญ่คือ หุ้นปัจจัย 4 ที่เป็นขาขึ้น เพราะมันไม่มีวันตาย หุ้นที่เป็นผู้ชนะ มีส่วนแบ่งการตลาดเหนือกว่าคู่แข่งอย่างน้อยเท่าตัว อย่างธนาคารไม่ใช่หุ้น Super Stock เพราะไม่มีธนาคารไหนใหญ่หรือดีกว่ากิจการเดียวกันแบบเท่าตัวเลย แสดงว่าธนาคารไม่มีผู้ชนะ ในขณะที่การค้าปลีก อาหาร ที่อยู่อาศัยมีผู้ชนะที่ใหญ่กว่าคู่แข่งหลายเท่า 19.หลักเกณฑ์ของหุ้น Super Stock (1) แบรนด์ดี ขายแพงแต่คนยังต้องการซื้อ (2) กิจการโต จนคู่แข่งไม่พร้อมสู้ (3) Network เยอะ ใครๆก็รู้จัก ใช้งานกันทั่วโลก (4) ลูกค้าติด (5) เป็นเจ้าเดียวที่ให้บริการได้ (6) ไม่ถูกทำลายด้วยเทคโนโลยีได้ง่าย (7) เป็นช่วงรุ่งเรืองขาขึ้น (8) อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อย่างน้อย 15% (9) ยอดขายต้องเหนือกว่าคู่แข่ง (10) กำไรย้อนหลัง 5 ปี ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ (11) จ่ายปันผลดี P/E ไม่เกิน 30 เท่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เน้นวิธีการลงทุน แต่จะพยายามเน้นที่ Mindset เพื่อให้เราปรับตัว ปรับวิธีคิดถึงการลงทุนที่ถูกต้องและไม่หลงทางไปกับกระแสของข่าวที่ยากจะคาดเดาทิศทางในอนาคต มันปั่นป่วนอารมณ์ ทำให้เกิดอคติง่าย เรายิ่งต้องระวังถึงการตัดสินใจของตัวเองให้มากกว่าที่เคย เครดิตภาพ ภาพปก โดย wirestock จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย wirestock จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย wirestock จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ เด็กวัดดอน ชีวิต ความฝัน และการลงทุน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร รีวิวหนังสือ วิกฤติหุ้น วัน Corner แตก โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร รีวิวหนังสือ ตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤติ รีวิวหนังสือ SUPER STOCK มหัศจรรย์ของหุ้น VI โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร รีวิวหนังสือ ลงทุนแบบเฮดจ์ฟันด์ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !