"เอกนิติ"ชี้สหรัฐเปิดช่องลดภาษีรายสินค้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เรื่องการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ นั้น ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะยุทธศาสตร์การเจรจา ซึ่งได้มีโอกาสหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ทางช่องทางออนไลน์ 1 ครั้ง เพื่อพูดคุยถึงกรอบการเจรจา (Framework) ที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้ที่อาเซียน ซึ่งกรอบการเจรจานี้เป็นข้อตกลงที่ต่อเนื่องมาจากการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา

 นอกจากนี้ ได้มีการเสนอต่อรองผู้แทนการค้าสหรัฐขอลดอัตราภาษีจากร้อยละ 19 ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าอัตราภาษีของไทยก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบประเทศอื่นในภูมิภาค โดยไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ร้อยละ 20

ทั้งนี้ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ได้เปิดโอกาสไว้ โดยระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐมี Executive Order ที่อนุญาตให้ใช้อำนาจตามเอกสารแนบเพื่อ “ลดหย่อน” และ “ยกเว้น” ภาษีให้กับสินค้าบางชนิดได้ โดยคณะทำงานจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รับประโยชน์สูงสุด

ส่วนการดำเนินการในรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่จะได้รับการยกเว้นภาษี หรือการลดหย่อนนั้น จำเป็นต้องทำงานร่วมกับเอกชนและกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีสินค้าหลายอย่างที่น่าจะได้รับประโยชน์จากการเจรจา โดยเฉพาะสินค้าที่ประเทศไทยจำเป็นต้องนำเข้าอยู่แล้ว และการลดเพดานภาษีจะช่วยให้เกิดประโยชน์มากขึ้น 

ทั้งนี้ ในการเจรจาและการพิจารณาเปิดตลาดนั้น จะต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง และจะพิจารณาสินค้าที่ประเทศไทยไม่มีตลาดอยู่แล้ว หรือสินค้าที่ไม่มีข้อกังวล เช่น รถยนต์ที่มีพวงมาลัยซ้าย รวมทั้งสินค้าที่ไทยมีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) อยู่แล้ว ซึ่งมีการเปิดตลาดลดภาษีนำเข้าให้ 0% โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้เป็นมาตรฐานในการเจรจาได้

ส่วนกรณีที่ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยทั้งสองฝ่ายจะไม่ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อมุ่งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันนั้น

นายเอกนิติ ระุว่า  การดูแลค่าเงิน เป็นหน้าที่ของธนาคารชาติแต่ละประเทศ ที่ต้องรักษาเสถียรภาพของราคาและค่าเงิน ซึ่งหัวใจของการดูแลค่าเงินคือ จะต้องไม่บิดเบือนกลไกตามปกติ ซึ่งเราก็ไม่ได้มีการบิดเบือน