'โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ - เซเรน่า วิลเลียมส์' และแกรนด์สแลม 'วิมเบิลดัน' เหยื่อ 'โควิด' อีเวนต์ล่าสุด
‘โรเจอร์ เฟเดอเรอร์-เซเรน่า วิลเลียมส์’ และแกรนด์สแลม ‘วิมเบิลดัน’ เหยื่อ ‘โควิด’ อีเวนต์ล่าสุด
และแล้วก็เป็นไปอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ เมื่อ ออล อิงแลนด์ คลับ สถานที่จัดการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมรายการเก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง วิมเบิลดัน ร่วมกับ ลอนเทนนิสสมาคมแห่งอังกฤษ (แอลทีเอ) ประกาศยกเลิกการแข่งขันประจำปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงงายๆ
จากเดิมที่ศึกแกรนด์สแลมคอร์ตหญ้าจะดวลกันระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน-12 กรกฎาคม ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็จะยกเลิกไปเลย ไม่มีการแข่งขันปีนี้ ต่างจากรายการแกรนด์สแลมคอร์ตดิน เฟร้นช์ โอเพ่น ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งขยับจากเดือนพฤษภาคม ไปแข่งในเดือนกันยายนถึงต้นตุลาคมแทน
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า วิมเบิลดันคงไม่เลื่อน แต่น่าจะเลือกยกเลิกไปเลยมากกว่า เนื่องจากการดูแลรักษาหญ้า รวมถึงสภาพอากาศในช่วงหลังจากนี้คงไม่เหมาะกับการแข่งขัน
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เหตุการณ์ สงครามโลก ครั้งที่ 2 ที่ศึกแกรนด์สแลมรายการศักดิ์สิทธิ์นี้ยกเลิกการแข่งขัน
แน่นอนว่านี่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในเวลาเช่นนี้ เพราะการแข่งขันกีฬาอื่นๆ หลายรายการก่อนหน้านี้ก็ยกเลิกหรือเลื่อนแข่งไปแล้ว แต่สำหรับนักเทนนิสบางคนที่ถึงวัยใกล้เกษียณในฐานะนักกีฬาอาชีพแล้ว นี่นับเป็นข่าวร้ายอย่างยิ่ง เพราะหมายถึงโอกาสสำคัญที่พวกเขาจะได้ลุ้นแชมป์ต้องยืดออกไป และไม่มีอะไรการันตีว่า 1 ปีให้หลัง สภาพร่างกายจะพร้อมแข่งอีกหรือไม่
ตัวอย่างสำคัญของกรณีนี้ คือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ เซเรน่า วิลเลียมส์ ตำนานสักหลาดชายและหญิงซึ่งถึงช่วงแข่งวิมเบิลดันปีหน้า ทั้งคู่ก็จะอายุปริ่มๆ จะ 40 เข้าไปแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้ง 2 คนจะช็อกกับข่าวยกเลิกการแข่งขัน แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ตาม
อันที่จริง ออล อิงแลนด์ คลับ ยังมีเวลาตัดสินใจถึงสิ้นเดือนเมษายน แต่ที่ประกาศออกมาแต่เนิ่นๆ เป็นเพราะตามกำหนดเวลานั้น นี่เป็นช่วงที่ฝ่ายจัดต้องเริ่มเตรียมสถานที่กันแล้ว แต่มีข้อจำกัดมากมาย เนื่องจากรัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชนงดออกจากบ้านหากไม่จำเป็น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
อีกทั้งฝ่ายจัดมองว่า จากนี้ไปถึงเดือนมิถุนายน เหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน สถานการณ์โรคระบาดยังไม่น่าจะคลี่คลาย ซึ่งศึกวิมเบิลดันนั้น ประเมินว่าจะมีแฟนเทนนิสหลั่งไหลไปชมการแข่งขันถึงหลัก 40,000 คนในสนาม ยังไม่นับอีกหลายพันที่จะไปรวมตัวบริเวณรอบๆ โดยเฉพาะ “เฮนแมนฮิลล์” เนินเขาข้างสนาม จุดนั่งชมเกมสำหรับคนที่ซื้อตั๋วไม่ทันนิยมไปรวมตัวกัน
การเร่งประกาศยกเลิกการแข่งขัน ยังเป็นการประกาศยุติฤดูกาลคอร์ตหญ้าไปโดยปริยาย ทำให้ฝ่ายจัดของรายการนั้นๆ ไม่ต้องเหนื่อยเตรียมตัว แล้วไปโดนยกเลิกกะทันหันในภายหลัง
งานนี้คนที่ปาดเหงื่อจริงๆ ไม่ใช่ออล อิงแลนด์ คลับ แต่เป็นบริษัทประกันซึ่งจะต้องเข้าไปรับผิดชอบจ่ายเงินชดเชยที่ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ โดยการคืนเงินค่าตั๋วให้กับผู้ชม รวมถึงจ่ายเงินชดเชยสำหรับสปอนเซอร์และพาร์ทเนอร์ต่างๆ ของการแข่งขัน โดยประเมินกันว่า มูลค่าเงินชดเชยที่บริษัทประกันต้องจ่าย อาจจะสูงลิบถึง 200 ล้านปอนด์ (8,000 ล้านบาท) เลยทีเดียว!
อีกประเด็นใหญ่ที่หลายคนตั้งคำถามคือ หลังจากรายการต่างๆ ทยอยเลื่อนและยกเลิกไปตามๆ กัน ฤดูกาลแข่งขันเทนนิสปีนี้จะยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่? หรือจะกลับมาแข่งกันได้เมื่อใด?
ถึงตอนนี้ ปฏิทินเทนนิสโลกพักต่อไปจนถึงวันที่ 13 กรกฎาคมเป็นอย่างน้อย ซึ่งถึงเวลานั้นจริงๆ ก็คาดว่าฝ่ายจัดทัวร์นาเมนต์ที่ฮัมบวร์ก, บาสแต็ด, บูคาเรสต์ และโลซานน์ อาจจะยังไม่พร้อมหรือกล้าเสี่ยง
ถ้าเขยิบไปหลังจากนั้นอีก โอลิมปิกเกมส์ 2020 ก็ประกาศเลื่อนไปล่วงหน้าแล้ว ส่วนกลางเดือนสิงหาคม จะเป็นรายการใหญ่ที่โตรอนโตกับมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะยกเลิกเช่นกัน
ขณะที่ศึก ยูเอส โอเพ่น ซึ่งกำหนดเปิดฉากวันที่ 31 สิงหาคม ที่นิวยอร์ก ล่าสุดมีข่าวว่า สมาคมเทนนิสแห่งสหรัฐ ไฟเขียวให้ใช้พื้นที่ภายในศูนย์เทนนิสซึ่งเป็นสถานที่แข่งขันสแลมสุดท้ายของปี ในการทำโรงพยาบาลสนาม ดูแลผู้ป่วยโควิด เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล
เมื่อถึงเวลาจริงก็มีแนวโน้มว่ายูเอส โอเพ่น อาจจะเลื่อนเช่นกัน และถ้าเป็นเช่นนั้น เฟร้นช์ โอเพ่น ที่กำหนดเวลาแข่งใหม่เป็นหลังช่วงยูเอส โอเพ่น ก็ไม่น่าจะจัดได้ ยกเว้นสถานการณ์คลี่คลายอย่างปัจจุบันทันด่วนเท่านั้น
อเมลี โมเรสโม่ อดีตนักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลกชาวฝรั่งเศส แสดงความเห็นเกี่ยวกับฤดูกาลสักหลาดโลกในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2020 ผ่านทวิตเตอร์ของตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ว่า ดูแล้วมีแววที่อาจจะไม่มีการแข่งขันอีกในปีนี้ เพราะเทนนิสเป็นกีฬาที่เปิดกว้างสำหรับคนทั่วโลก
หากไม่สามารถคิดค้นยารักษาจนคลี่คลายสถานการณ์ได้ วงการสักหลาดโลกก็คงต้องหยุดชะงักต่อไปเรื่อยๆ เช่นกัน