รีเซต

“เบทาโกร” โชว์กำไร Q1/65 โต 149.4% ,จ่อเข้า SET ระดมทุนสร้างฟาร์ม-ทุนหมุนเวียน

“เบทาโกร” โชว์กำไร Q1/65 โต 149.4% ,จ่อเข้า SET ระดมทุนสร้างฟาร์ม-ทุนหมุนเวียน
ทันหุ้น
7 มิถุนายน 2565 ( 12:48 )
105

#BTG #ทันหุ้น - บมจ. เบทาโกร (“บริษัทฯ” หรือ “BTG”) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ทำรายได้รวม 26,163.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% จากไตรมาสที่ 1/2564 และมีกำไรสุทธิ 1,966.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149.4% จากไตรมาสที่ 1/2564 จากปริมาณและราคาขายผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น หลังยื่นแบบไฟลิ่งต่อ สำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เตรียมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เสริมศักยภาพการเติบโต ชูจุดแข็งธุรกิจที่ครบวงจรตลอด Value Chain ด้วยแบรนด์ผลิตภัณฑ์ชั้นนำ อาทิ "BETAGRO" และ "S-Pure" ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมอาหารคุณภาพและปลอดภัย เพื่อชีวิตที่ดีพร้อมโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

 

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้รวม 26,163.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเติบโตสู่ระดับ 1,966.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของปริมาณการขายและราคาสินค้าในทุกกลุ่มธุรกิจ 

 

โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าและบริการจากทุกกลุ่มธุรกิจ (ซึ่งได้แก่ กลุ่มธุรกิจเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง และการเติบโตของอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ซึ่งโดยหลักเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน เช่น เนื้อสุกร เนื้อไก่ทั้งในประเทศและการส่งออก สัตว์ปีก ไข่ไก่ อาหารแปรรูป และเนื้อสัตว์แปรรูป สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาตลาดของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว รวมถึงการเติบโตของอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

 

ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจเกษตร มีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาขายสินค้าตามต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ ขณะที่ กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ที่มีความโดดเด่นทั้งรายได้จากการเพิ่มขึ้นของราคาและปริมาณขายผลิตภัณฑ์หมู ไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูป และเนื้อสัตว์แปรรูปรวมทั้งมีกำไรจากการดำเนินงานและอัตรากำไรที่สูงขึ้นส่วนกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ รับผลดีจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายอาหารสัตว์ตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของราคาขายสัตว์ที่มีชีวิตในประเทศกัมพูชาและลาว สำหรับกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง มีการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่น จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย ราคาขายอาหารสัตว์เลี้ยง และขนมขบเคี้ยวสัตว์เลี้ยง สอดคล้องกับกลยุทธ์บริษัทฯ ที่มุ่งเน้นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงมากยิ่งขึ้น

 

ส่วนความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ล่าสุด บริษัทฯ แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 500,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ (รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัท กรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) บริษัทฯ มีแผนนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนในการเข้าซื้อ และ/หรือ ก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ส่วนที่เหลือนำไปใช้ในการปรับโครงสร้างเงินทุนและเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินกิจการ 

 

ทั้งนี้ “เบทาโกร” เป็นผู้นำนวัตกรรมอาหารคุณภาพและปลอดภัยที่มีประสบการณ์กว่า 55 ปี ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย ที่มีการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร (Vertically Integrated Business Model) ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์ (Value Chain) ตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์สุกร สัตว์ปีก ไข่ไก่ อาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง อาหารสัตว์เลี้ยง การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ การชำแหละและการแปรรูปเนื้อสัตว์ การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งปรุงสุกและผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุก โดยมีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดภายใต้มาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) และส่งเสริมการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ธุรกิจหลักของบริษัทฯ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1)กลุ่มธุรกิจเกษตร ประกอบด้วยการผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ อุปกรณ์และเครื่องมือฟาร์มที่หลากหลายและการให้บริการห้องปฏิบัติการ2) กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ประกอบด้วยการผลิตและจำหน่ายเนื้อสัตว์ ไข่ไก่และผลิตภัณฑ์ปลา แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ  การแปรรูปเนื้อสัตว์เป็นผลิตภัณฑ์ปรุงสุก ผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง ผลิตภัณฑ์กึ่งปรุงสุก และผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน ผลิตภัณฑ์พลอยได้ และโปรตีนทางเลือก  รวมถึงการทำฟาร์มเชิงพาณิชย์3) กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ที่ประกอบธุรกิจในกัมพูชา ลาว และเมียนมา เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตร อาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์สัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ อุปกรณ์ฟาร์มและผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงสุกร สัตว์ปีก ไข่ไก่ เนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารแปรรูป 4) กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง ประกอบด้วยการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง ขนมขบเคี้ยวสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง 

 

“เบทาโกร” มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ชั้นนำ ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน ทั้งผลิตภัณฑ์เนื้อสดและแปรรูป เช่น "BETAGRO" และ "S-Pure" ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม "ITOHAM" ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้การร่วมค้า (Joint Venture) กับพันธมิตรในต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ เช่น "Betagro" "Balance" และ "MASTER" ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ เช่น "Better Pharma" และ "Nexgen" ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง เช่น “Perfecta” “DOG n joy” และ "CAT n joy" รวมทั้งแบรนด์ผลิตภัณฑ์ชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย

 

นอกจากนี้ ยังมีช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารและโปรตีนที่หลากหลาย ทั้งการจำหน่ายให้แก่ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และแบบดั้งเดิม ผู้ค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ร้านอาหารเครือข่ายหรือผู้จัดจำหน่ายของร้านอาหารเครือข่าย บริษัทส่งออกระหว่างประเทศ ผู้จัดจำหน่ายในประเทศที่จัดหาสินค้าให้แก่ร้านอาหารและผู้ให้บริการด้านอาหาร พร้อมทั้งจำหน่ายผ่านช่องทางบริษัทฯ โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทฯ มีช่องทางการจัดจำหน่าย ได้แก่ สาขาเบทาโกร 97 แห่ง ร้านเบทาโกรช็อป 207 แห่ง ร้านเบทาโกรเดลี 32 แห่ง และร้านเนื้อสัตว์อนามัย 715 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย รวมถึงสาขาเบทาโกร 4สาขาในประเทศกัมพูชาและเบทาโกรช็อป 5 แห่งในสปป.ลาว และส่งออกไปกว่า 20 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) อีกทั้งได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรให้แก่ฟาร์มอิสระ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เกษตรผสมผสาน และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหญ่โดยตรงหรือผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้ง  

 

“เบทาโกร เชื่อมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน จึงมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบใหม่ๆ ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) โดยพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ circular economy สร้างคุณค่ากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน และวางแนวทางมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต เพื่อต้องการช่วยให้ประชาชนและชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยอาหารที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยที่มากขึ้น ในราคาที่เป็นธรรม” นายวสิษฐ กล่าว

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง