สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้เรามาย้อนวันวานในวัยเด็กกัน ว่ากันว่าในสมัยเด็กเป็นช่วงวัยที่มีความร่าเริงมีความสนุกสนานไม่มีความกังวลในสิ่งต่างๆมี แต่ความอยากรู้อยากเห็นเหมือนรอบข้างมันสดใสเต็มไปหมด และคงเป็นวัยที่มีความสุขที่สุดสำหรับใครหลายๆคนแล้วแหละตอนนี้คุณอายุกันเท่าไหร่กันแล้วเอ่ย บางคนที่ผ่านเข้ามาอ่านเจออาจอยู่ในช่วงวัยเรียน วัยทำงาน หรือ วัยที่กำลังค้นหาความฝันจนลืมรักตัวเอง และลืมว่า “รอยยิ้มที่มีความสุขครั้งล่าสุดคือตอนไหน” เป็นยังไงกันบ้างคะกับช่วงชีวิตที่ผ่านมากับเส้นทางที่เราเลือกมีความสุขกันบ้างหรือเปล่าทุกๆ คน ต่างเคยผ่านช่วงเวลาวัยเด็กมากันทุกคน แต่ทุกคนมักมีเรื่องเล่า ประสบการณ์ที่พบเจอไม่เหมือนกัน แต่ มีอยู่ 1 สิ่งที่ที่มีกันทุกคนคือความไร้เดียงสาความสนุกความไม่ซับซ้อนความฝันในช่วงวัยเด็ก เจ็บมากสุดก็แค่ตอนที่เราหกล้ม หรือโดนแม่ตี จากนั้นก็แค่ร้องไห้ออกมาโดยที่ ไม่มีอะไรซ้อนภายใต้เสียงร้องไห้นั้น ร้องไปสักพักก็หายเอง ไม่ก็มีคนมาโอ๋แล้วกลับมาเล่นซนเหมือนเดิมทำอย่างกับว่าเมื่อ 10 นาทีที่ผ่านมาไม่เคยร้องไห้และลืมไปเลยว่าเคยเจ็บมาก่อน เพราะช่วงเวลานั้นเราไม่ได้แบกรับภาระอะไรจึงไม่ต้องคิดมากมันก็แปลกดีน่ะทำไมตอนเด็กถึงโหยหาคำว่าผู้ใหญ่ อยากโตไวๆ แต่พอโตขึ้นมาจริงๆ กลับอยากไปเป็นเด็กเหมือนเมื่อตอนนั้นที่“เหนื่อยก็แค่นอน หิวก็แค่กิน” ต่างกับตอนนี้ยิ่งเราโตมากขึ้นเท่าไหร่เราแทบจะไม่มีเวลาให้ตัวเองหิวแค่ไหนก็ยังไม่สามารถกินได้อาจด้วยภาระหน้าที่ตรงหน้าง่วงก็นอนยังไม่ได้อาจด้วยสิ่งที่พบเจอมา ทำให้นอนไม่หลับจนคิดมากไม่รู้อะไรต่อมิอะไรที่ตอนนี้เราแบกรับมัน ต้องฝืนยิ้มทำเป็นไม่มีอะไรทั้งที่ในหัวมีแต่คำถามในใจมีแต่บาดแผลมากสุดคงทำได้เพียงแค่ เก็บมันไว้และร้องไห้คนเดียวจนเหนื่อยแล้วหยุดร้องไปเอง แต่ในหัวยังคงคิดเรื่องเดิมๆซ่ำๆ อยู่ตลอดเวลา ได้แต่ให้กำลังใจยังเองเงียบๆ ในมุมของตัวเอง เรามีเรื่องตลกมาฝากอยู่ 1 เรื่องในช่วงวัยเด็ก ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าทำไปทำไม เรื่องมันมีอยู่ว่าพ่อเรากลับจากทำงานมาด้วยของพลุงพลัง จากนั้นว่าก็วางไว้บนโต๊ะ แต่มีถุงขนาดกลางๆ ที่พ่อไม่วางไปด้วยกัน แต่กลับเดินถือมาทางเราที่นั่งมองพ่อด้วยความสงสัยกับสิ่งของที่ถือมา สักพักพ่อเดินมาถึงหน้าเราแล้วก้มลง ยื่นถุงในมือมาให้เรา พอเราเปิดออกดูแค่นั้นแหละ เราเผยรอยยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจเพราะของตรงหน้าคือของเล่นชุดเครื่องครัวเราชอบมากและดีใจเป็นที่สุด จากนั้นเราจึงค่อยๆ แกะของเหล่านั้นอย่างเบามือเพราะกลัวมันจะพัง และค่อยๆ เรียงๆ กันเป็นแถวแนวนอนจนหมดชุดนั้น จากนั้นก็หยุดทุกการกระทำและนั้งมองของเล่นนั้นไม่หยิบจับอะไรขึ้นมาเล่นสักชิ้น พ่อที่มองกาลกระทำของเราจึงเอ่ยถามว่า“เป็นอะไร ไม่ชอบหรอ”“ชอบค่ะ ชอบมากด้วย”“แล้วทำไมลูกไม่หยิบขึ้นมาเล่นหล่ะ นั้งมองแบบนั้นมันจะสนุกหรอ”“หนูยังไม่กล้าเล่นมัน หนูกลัวมันพัง หนูกลัวมันเก่าไว” พ่อเราส่ายหัวไปมาด้วยความเอ็นดูกับคำตอบของเราแล้วจึงเอ่ย “ถ้าสมมุติลูกไม่เล่นและวางไวแบบนี้ต่อไปวันหนึ่งมันก็จะผุพังตามกาลเวลาแล้วลูกจะไม่เสียใจทีหลังหรอ ว่าตอนที่มันยังดีอยู่ ยังสวยอยู่ลูกไม่ได้เล่นมันเลย”“หนูไม่รู้เหมือนกันค่ะตอนนี้หนูแค่อยากมองมันมากกว่า” พ่อได้แต่ยิ้มแล้วเดินจากไป ในตอนนั้นเราไม่เข้าใจความหมายของมันหรอกน่ะ แต่ถามว่าสุดท้ายแล้วของเล่นนั้นเราได้เล่นไหม ตอบเลยว่าเล่น5555 เพราะความเป็นเด็กใครจะทนกับของเล่นใหม่ๆ ได้ จนถึงตอนนี้เราถึงได้รู้ว่าเวลามันเดินไวอะไรที่มีความสุขและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ทำไปเถอะ เสียใจได้ เศร้าได้ แต่อย่านานพราะทุกช่วงเวลาของชีวิตเรามันสั้นเอาเวลาที่เหลือไปทำให้ตัวเองมีความสุขดีกว่า ไม่ว่าโลกข้างนอกหรือสิ่งรอบข้างใจร้ายกับเราแค่ไหนแต่จงจำไว้นะว่าคุณอย่าใจร้ายกับตัวเองเลยให้กำลังใจตัวเองมากๆบอกตัวเองว่าสู้ๆนะทุกวันแล้วสักวันหนึ่งมันจะเป็นพลังบวกให้กับตัวทุกๆคน สู้ๆ นะคะเป็นกำลังใจให้น่า และใครที่ผ่านเข้ามาอ่าน ก็ขอให้หลังจากนี้ไปมีความสุขมากๆ ใจดีกับตัวเองให้เยอะๆ รูปภาพหน้าปก : Polinach/pexelsรูปภาพที่ 1 : Danik Prihodko/pexelsรูปภาพที่ 2 : Sam Lion/pexelsรูปภาพที่ 3 : Luana Freitas/pexelsรูปภาพที่ 4 : Miguel Mariano/pexelsเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !