เจ้าหนี้โหด จ้างคนดักใช้ทุเรียนตบหน้าสั่งสอน หน้าวัดกลางวันแสกๆ
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางดวงเดือน นามสมมุติ ชาวบ้าน อ.เมือง จ.ลำพูน โชว์รอยแผลเป็นที่แขน และใบหน้าให้ผู้สื่อข่าวดูหลังจากถูกหญิงสาวรูปร่างสูงใหญ่ เข้ามาทำร้ายขณะที่จอดรถคุยโทรศัพท์กับญาติ ที่หน้าวัดช้างรอง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน จนได้รับบาดเจ็บเลือกอาบหน้า ก่อนที่พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ จะเข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งที่บ้านเพื่อทำแผล เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม เวลาประมาณ เที่ยงวัน
นางดวงเดือน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม เวลาประมาณ เที่ยงวันขณะที่ตนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ไปธุระในตัวเมืองลำพูน เมื่อขี่รถมาถึงหน้าวัดช้างรอง ตนได้จอดรถคุยโทรศัพท์กับญาติ ระหว่างนั้นถูกผู้หญิงรูปร่างสูงใหญ่ ปรี่เข้ามาทำร้ายทั้งตบที่หน้าด้วยวัตถุชนิดหนึ่งคล้ายกับมีหนามแหลม ตีโดนที่ใบหน้าและแขนขวาจนล้มลงกับพื้นทำให้เลือดอาบหน้า หลังจากนั้นพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งเข้าใจว่าจนประสบอุบัติเหตุ แต่ตนบอกว่าถูกผู้หญิงที่เดินขึ้นรถกระบะหลบหนีไปทำร้าย
“ส่วนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ได้จดหมายเลขทะเบียนรถผู้ก่อเหตุได้ เป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูสุ ไม่ทราบจังหวัด ที่ขับหลบหนีไป หลังเกิดเหตุพลเมืองดีได้นำตัวมาส่งที่บ้านเพื่อล้างคราบเลือด ก่อนที่ตนจะไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.เมืองลำพูน พร้อมนำรายละเอียดรถยนต์ต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเดินทางไปโรงพยาบาล ให้แพทย์ตรวจร่างกายพบเป็นรอยข่วนที่ใบหน้าและแขนขวาเหมือนหนามเกี่ยว”
นางดวงเดือน กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ร่วมกู้เงินกับนางสาลี ถูกเจ้าหนี้คุกคามถึงบ้าน และทำลายข้าวของตามที่เป็นข่าวไปแล้ว จากนายทุน ผู้หญิงรายหนึ่งชื่อนางสาวเงิน นามสมมุติ ที่เปิดร้านอยู่บริเวณสะพานท่านาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน ต่อมานางสาลี ได้เข้ามาพูดคุยกับตนเรื่องยอดหนี้ที่สูงและไม่สามารถผ่อนจ่ายรายวันได้ และนางสาลี ได้หลบหนีไป เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ตนก็ถูกดักทำร้ายร่างกาย หลังจากนั้นตนได้สอบถามรายละเอียดจากเพื่อนๆที่กู้เงินจากนายทุนผู้หญิงรายนี้ ได้ข้อมูลมาว่าคนที่ลงมือทำร้ายตนคาดว่าจะเป็นนายทุน รายดังกล่าวที่จ้างลูกหนี้อีกรายที่อาศัยอยู่บ้านเอื้ออาทร ในตัวเมืองลำพูน มาดักทำร้ายตน
“ส่วนสาเหตุคาดว่านายทุนคนดังกล่าวเข้าใจผิดคิดว่าตนยุยง ให้นางสาลี หลบหนี ไม่จ่ายหนี้ เนื่องจากก่อนที่นางสาลี จะหายตัวไปเพียง 1 วันได้มาหาตนที่บ้าน หลังจากเกิดเหตุเกือบ 10 วันยังไม่มีความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด ซึ่งทำให้ตนอยู่ด้วยความหวาดผวา เกรงว่าจะถูกทำร้ายอีก เนื่องจากต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดไปขายของที่ตลาดทุกวัน”
นางดวงเดือน ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เมื่อประมาณ 1 ปีเศษ ที่ผ่านมาตนได้กู้เงินมาจากนางสาวเงิน จำนวนเงิน 2 หมื่นบาท เพื่อมาลงทุนค้าขาย แต่ได้เงินมาไม่ครบเนื่องจากโดนหักค่าดอกเบี้ยล่วงหน้าและค่าดำเนินการ โดยผ่อนจ่ายรายวัน ซึ่งช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด ขายของไม่ดีจนเงินไม่พอส่ง หลายครั้งที่นางสาวเงิน ได้บุกมาทวงเงินค่างวดถึงบ้านพร้อมข่มขู่ ทำร้ายสารพัด จนเวลาล่วงเลยไปนางเงิน ได้นำเงินกู้จากแหล่งอื่นมาโป๊ะหนี้เก่าหลายครั้ง ครั้งละ 5 หมื่น และ 1 แสนบาท ทำให้ดอกเบี้ยและเงินต้นเพิ่มขึ้นจนเป็นหนี้เกือบ 7 แสนบาท ต้องผ่อนรายวัน วันละ 2 หมื่นบาท
“เมื่อเป็นเช่นนั้น ตนและเพื่อนอีก 2 คนเข้าพูดคุยเจรจากับเจ้าหนี้ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่ง จนตกลงกันได้ แล้วเรื่องเงียบไปซักพักหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวเงิน ได้ทวงเก็บเงินค่าดอกเบี้ยตน วันละหมื่นกว่าบาท จนเกิดการทะเลาะกัน ตนบอกว่าเป็นเงินค่างวดที่แพงเกินจริง และมีเงินจ่ายเพียงวันล่ะ 1 พันบาทเท่านั้น แต่นางสาวเงินจะเอาเงินจำนวนดังกล่าวให้ได้ จึงได้ให้ลูกน้องซื้อเบียร์มาส่งที่บ้านตน โดยบอกว่าจะนั่งดื่มเบียร์รอจนกว่าตนจะจ่ายเงินให้ จนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเจรจาเป็นเวลานานจนนางสาวเงินกลับไปในที่สุด”
ขณะเดียวผู้สื่อข่าวได้ ติดต่อขอข้อมูลกับลูกหนี้รายหนึ่งที่กู้ยืมเงิน กับนางสาวเงิน พบว่าก่อนหน้านี้ถูกนางสาวเงินพร้อมกับลูกน้อง เดินทางมาทวงหนี้ที่บ้าน ทั้งโวยวายด่าทอ นอกจากนี้ยังพกมีดมาข่มขู่ ตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุ พร้อมกับเดินทาง ไปสภ.เมืองลำพูน แจ้งความเอาผิดกับนางสาวเงิน ซึ่งทราบว่ายังมีลูกหนี้อีกหลายรายที่ถูกนางสาวเงิน ทวงหนี้และข่มขู่ถึงบ้านบางครั้งจะพาชายฉกรรจ์ ติดตามไปด้วยทำให้ลูกเกิดความหวาดกลัวเกรงจะได้รับอันตรายจนต้องพาครอบครัวหลบหนีไปแล้วหลายราย