ทำไม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ถึงกลายเป็นหนึ่งในผู้นำที่โหดเหี้ยมที่สุด ในประวัติศาสตร์? เขาถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน? ชีวิตครอบครัวในวัยเด็กของเขาเป็นอย่างไร? คงจะเป็นความจริงกับคำพูดที่ว่า "ความฝันในวัยเด็ก กับความจริงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่มักจะห่างไกลกันเสมอ"เด็กชายอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้ถือกำเนิดในช่วงเย็นของวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1889จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน เขาได้กลายเป็นลูกคนโตอย่างเลือกไม่ได้ เพราะพี่สาว และพี่ชายของเขาได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารกช่วงชีวิตในวัยเด็กของเด็กชายฮิตเลอร์ และน้องๆของเขามักจะโดนพ่อทำร้ายร่างกายอยู่เสมอ และบ่อยครั้งที่รุนแรงจนแม่ของเขาต้องเข้ามาปกป้องการทารุณกรรมในบ้าน เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฮิตเลอร์มักจะทำร้ายร่างกายน้องสาวของตัวเองตามแบบอย่างพ่อของเขา ฮิตเลอร์ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน ชื่อเอ็ดมันด์ ซึ่งเขารักน้องชายคนนี้มาก จนกระทั่งวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้เอ็ดมันด์ต้องเสียชีวิตลงเมื่อมีอายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น ซึ่งในขณะนั้นฮิตเลอร์มีอายุได้ 11 ปี เขารู้สึกเศร้า และเสียใจเป็นอย่างมาก จากเดิมที่เขาเคยเป็นเด็กที่มั่นใจในตัวเอง เขามีนิสัยเปลี่ยนไปกลายเป็นเด็กเจ้าอารมณ์ เฉยชา เก็บตัว และมักจะมีเรื่องทะเลาะกับพ่อ และคุณครูที่โรงเรียนอยู่เป็นประจำแต่ถึงกระนั้น ฮิตเลอร์ก็ยังมีศิลปะเป็นสิ่งที่คอยช่วยปลอบประโลมจิตใจยามที่เขารู้สึกแย่เด็กหนุ่มผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะ และมีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่อยากจะเป็นจิตรกร ทว่านอกจากครอบครัวจะไม่สนับสนุนในเรื่องศิลปะแล้ว หนำซ้ำเขายังถูกคัดค้านอย่างสุดโต่งจากผู้เป็นพ่ออีกด้วยพ่อของฮิตเลอร์มีความต้องการที่จะให้เขาเดินตามรอยเท้าของพ่อ ด้วยการทำงานที่กรมศุลกากร แต่ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างฮิตเลอร์กับพ่อของเขาในครั้งนี้ จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การต่อต้านอย่างไม่น่าให้อภัยได้เลย เนื่องจากพ่อของเขาต่างก็มีความตั้งใจอันแรงกล้าในหนทางของตัวเองแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังมีความมุ่งมั่น และวาดฝันไว้ว่าสักวันหนึ่ง....เขาจะเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงดังก้องโลกให้ได้! ถึงกระนั้นพ่อผู้ซึ่งละเลยต่อความต้องการของลูกชายอย่างแท้จริง เขาใช้วิธีการเผด็จการโดยการบังคับลูกชายที่ต้องการจะเป็นศิลปิน ให้ไปเข้าโรงเรียนอาชีวะแทนการเข้าโรงเรียนสอนศิลปะที่ลูกชายต้องการ หลังจากวันนั้น ฮิตเลอร์จึงต่อต้านด้วยผลการเรียนที่เลวร้าย เพราะคิดว่าพ่อต้องยอมแพ้ และปล่อยให้เขาได้ทำตามความฝันเสียที ช่วงชีวิตวัยรุ่น ฮิตเลอร์เริ่มหลงใหลในลัทธิชาตินิยมเยอรมันซึ่งเป็นหนทางหนึ่งที่เขาต้องการจะแสดงออกถึงการต่อต้านพ่อของตัวเอง(พ่อผู้ซึ่งรับใช้รัฐบาลออสเตรียอย่างภาคภูมิใจ)ฮิตเลอร์ได้เริ่มต้นใช้คำทักทายเป็นภาษาเยอรมัน และร้องเพลงชาติเยอรมันแทนการร้องเพลงชาติออสเตรียอีกด้วย ทว่าฮิตเลอร์ก็ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตอีกครั้ง เมื่อพ่อของเขาได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหันเมื่อวันที่ 3 มกราคม ค.ศ.1903 และฮิตเลอร์ได้แสดงพฤติกรรมแย่ๆที่โรงเรียนอาชีวะ จนกระทั่งในปี1904 เขาจึงถูกเชิญออกจากโรงเรียน จนกระทั่งวันหนึ่ง ฮิตเลอร์ตัดสินใจเดินทางเข้าสู่กรุงเวียนนา(เมืองหลวงของออสเตรีย) เมื่ออายุ 17 ปี เพราะเขามีความตั้งใจจะสอบเข้าสถาบันศิลปะชั้นนำของยุโรป Academy of Fine Art แต่ทว่า เขากลับถูกทางสถาบันปฏิเสธถึง 2 ครั้ง 2 ครา ซ้ำร้ายเงินที่เขานำติดตัวมายังหมดเกลี้ยง เขาจึงต้องเข้าไปขออาศัยสถานสงเคราะห์คนไร้บ้าน และเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างทำงานสารพัด รวมไปถึงการวาดภาพขายเพื่อประทังชีวิตอีกด้วยจนกระทั่งวันหนึ่ง ทำให้เขาได้พบกับ ไรน์โฮลด์ ฮานิช ผู้ซึ่งมองเห็นความสามารถด้านการวาดภาพของฮิตเลอร์ และต้องการทำเงินจากความสามารถของเขา ทั้งคู่จึงตกลงทำสัญญาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน พร้อมทั้งแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบซึ่งฮิตเลอร์ทำหน้าที่วาดภาพทิวทัศน์ในกรุงเวียนนา จากนั้นฮานิชจึงรับหน้าที่นำรูปวาดไปขายให้กับนักท่องเที่ยวทำให้ฮิตเลอร์ได้ทำตามความฝันอย่างที่ตั้งใจ แต่ทว่าความฝันและความสุขนั้นก็อยู่ได้เพียงไม่นาน เพราะเขาจับได้ว่าฮานิชโกงเงินฮิตเลอร์ตัดสินใจเลิกคบกับฮานิช พร้อมกับความแค้นที่สุมแน่นเพื่อรอวันชำระ!เด็กหนุ่มที่มีความแค้นสุมแน่นอยู่เต็มอก ได้ตัดสินใจมุ่งหน้าออกเดินทางอีกครั้ง เขาตัดสินใจเข้าสมัครเป็นพลทหารเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่1 ที่ประเทศเยอรมัน และหลังจากที่สงครามจบลง เขาได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติจากการแสดงความใจกล้าบ้าระห่ำในสนามรบ พร้อมกันนั้นเขายังได้ค้นพบพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ นั่นก็คือการเป็นนักพูดฝีปากกล้าที่มีความสามารถในการโน้มน้าว และปลุกพลังความฮึกเหิมให้ผู้คนหมู่มากได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการพูดอันทรงพลัง สิ่งนี้จึงกลายเป็นใบเบิกทางสำคัญที่ทำให้ฮิตเลอร์ ได้เริ่มต้นเข้าร่วม และมีบทบาทในพรรคนาซีเขาเริ่มไต่เต้าจากระดับพลทหาร สู่การขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศที่มีอำนาจเด็ดขาด ก่อนจะยกทัพไปรุกรานประเทศต่างๆจนเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่2 เมื่อฮิตเลอร์ได้ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด จากการที่เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่แล้วเขายังคงไม่ลืมความแค้นที่ผ่านมาเกือบ 30ปี เขาสั่งคนออกตามหาเพื่อชำระแค้นฮานิช หุ้นส่วนที่เคยหักหลังและโกงเงิน ด้วยความที่เขาเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ในสมัยนั้นชาวยิวทั้งหมดจะต้องถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกัน แต่รู้หรือไม่ว่ามีเพียงครอบครัวเดียวที่ไม่ได้ถูกฮิตเลอร์สังหาร หากแต่ยังได้รับการปล่อยตัว และให้อพยพไปยังสหรัฐอเมริกาอีกด้วย นั่นก็คือครอบครัวของนายแพทย์ Eduard Bloch ผู้ซึ่งเคยเป็นแพทย์ประจำครอบครัวของฮิตเลอร์ และยังเคยช่วยรักษาแม่ของฮิตเลอร์ซึ่งป่วยเป็นมะเร็ง แถมยังเคยลดค่ารักษาให้อีกด้วย นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยลืมความเมตตา และสิ่งดีๆที่นายแพทย์Bloch มีให้พวกเขา ความรุนแรงในครอบครัว คือจุดเริ่มต้น....ของการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง ล้วนแล้วแต่แฝงอยู่ในประสบการณ์ในวัยเยาว์ของฮิตเลอร์ทั้งสิ้น จนนำมาสู่โศกนาฏกรรมอันโหดร้ายระดับโลก! #มนุษย์แม่ Credit Cover Photo by Felix Mittermeier from PexelsCredit Photo1 by Josiah Farrow from PexelsCredit Photo2 by Neosiam 2021 from PexelsCredit Photo3 by Adam Tumidajewicz from PexelsCredit Photo4 by Daian Gans from PexelsCredit Photo5 by Pixabay from Pexelsเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !