มูดี้ส์หั่นมุมมองเครดิต “ไทย” สู่ “เชิงลบ”
“มูดี้ส์ เรตติ้งส์” (Moody’s) ได้ปรับลดมุมมมองอันดับเครดิตของ “ไทย” สู่ “เชิงลบ” (negative) จากเดิม “มีเสถียรภาพ” (stable) เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจและการคลังของไทยจะอ่อนแอลง หลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแบบเปิดของไทยด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับไทยและประเทศอื่น ๆ หรือไม่ หลังจากประกาศยกเว้น 90 วันสิ้นสุดลง ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่ซบเซาอยู่แล้วหลังวิกฤตโควิด และเป็นแรงกดดันเชิงลบที่เพิ่มความเสี่ยงต่อสถานะทางการคลังของรัฐบาลไทย
ทั้งนี้ คาดว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ จะทำให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลง ส่งผลให้การลงทุนในหลายประเทศ รวมถึงในไทยเป็นไปอย่างจำกัด
แต่ “มูดี้ส์” ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ที่ระดับเดิม “Baa1” สะท้อนถึงสถาบันและธรรมาภิบาลของประเทศที่ค่อนข้างเข้มแข็ง รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ของไทยยังแข็งแกร่ง แม้ว่าหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่วิกฤตโควิด
“มูดี้ส์” ยังปรับลดคาการณ์การเติบโตของ GDP ไทยในปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 2 จากร้อยละ 2.9 ที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊ก กรณี “มูดี้ส์” ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของไทยลงสู่มุมมอง "เชิงลบ" ว่า “มูดี้ส์” เป็นเจ้าแรกใน 3 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของโลก ที่เริ่มนำร่องปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับไทยในรอบนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีนัยยะ เพราะสำหรับ “มูดี้ส์” นั้น “มุมมองเชิงลบ” เป็นก้าวแรกที่อาจจะนำไปสู่การลดเรตติ้งลงได้ในอนาคต ถือเป็นการเตือนประเทศไทย
ส่วนอีก 2 เจ้าใหญ่ที่เหลือ คือ S&P และฟิทช์ เรตติ้งส์ (Fitch Ratings) การประกาศของ “มูดี้ส์” จะเป็นการกระตุ้นให้อีก 2 เจ้าต้องเริ่มกลับมาดูข้อมูลโดยละเอียดอีกรอบ