SFLEXโค้งสองยอดขายเด่น เล็งดีลเพิ่ม-ขยายฐานลูกค้า

SFLEX มองไตรมาส 2/2566 ยอดขายโดดเด่น ยิ้มรับบริหารจัดการธุรกิจได้ดี-ปรับตัวได้ตามสถานการณ์ปัจจุบัน เร่งเครื่องขยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจผลงานปี 2566แตะ 1.8-1.85 พันล้านบาท แย้มมีดีลใหม่อยู่ระหว่างศึกษา คาดไม่เกินสิ้นปีได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ดีล

ดร.สมโภชน์  วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566เชื่อว่ายังคงมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่ามากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2566ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 477.31 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 40.70 ล้านบาท

ขยายฐานเมดิคัล

หลักๆ เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีและสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ รวมถึงการบริหารจัดการวัตถุดิบคงคลังให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อจากทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเดิมมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งทีมขายไปขยายตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical)

ส่วนลงทุนในประเทศเวียดนามนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จและรับรู้ผลตอบแทนจากการลงทุนเข้ามาในช่วงปลายไตรมาส 3/2566สนับสนุนผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังให้มีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2566จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,800-1,850 ล้านบาท จากปี 2565ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 1,695.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 55.07 ล้านบาท

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะทรงตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกปีนี้ที่ทำได้ 20.52% และ 8.53% พร้อมกันนี้ บริษัทยังสนใจลงทุนในธุรกิจที่ยังคงเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีดีลที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากับพันธมิตรที่มีศักยภาพอยู่ 1-2 ราย ซึ่งหนึ่งในสองเป็นผู้ผลิตซองบรรจุภัณฑ์ และอีกรายหนึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ เบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงครึ่งหลังปีนี้อย่างน้อย 1ดีล

เคาะเป้าหมาย 5 บ.

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดกำไรปกติในไตรมาส 2/2566 ที่ 42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 1,090.7%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน เติบโตได้เล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แม้ว่าคาดรายได้จะชะลอลง แต่ชดเชยได้จากแนวโน้มราคาต้นทุนที่ลดลงเช่นกัน ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการและเดินทางไปดูธุรกิจในต่างประเทศหมดลง

แนวโน้มกำไรครึ่งหลังปี 2566 คาดเบื้องต้นจะเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบ 6 เดือนก่อนหน้า และเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน จากรับรู้ผลการติดตั้งเครื่อง Blow Film ช่วยลดต้นทุน และการได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี (BOI) ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มผลประกอบการในระยะยาว จึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566-67 ขึ้น 29% และ 23% สะท้อน GPM ที่ฟื้นดีกว่าคาด และรวมส่วนแบ่งกำไรที่จะรับรู้จาก Star Print Vietnam

จากปัจจัยที่กล่าวมาทำให้ฝ่ายวิจัยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 5.00 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” เชิงกลยุทธ์ราคาหุ้นปรับขึ้นมาราว 20% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนอาจรอจังหวะเข้าลงทุนบริเวณแนวรับที่ +/- 4.10 บาท

พันธมิตรเสริมแกร่ง

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่าปี 2565 เป็นหนึ่งในปีที่แย่ที่สุดของบริษัท เพราะวัตถุดิบแพงขึ้นทำให้ทั้ง GPM และ กำไรสุทธิของ SFLEX ลดลงอย่างมีนัย ทั้งนี้บริษัทได้รับบทเรียนและเริ่มหาวิธีเพิ่ม GPM ด้วยการ 1. ตุนสต๊อกวัตถุดิบไปจนถึงไตรมาส 1/2567  2. มองหาสินค้าที่มี Margin สูงอย่างเช่น บรรจุภัณฑ์ของเวชภัณฑ์ ดังนั้น บริษัทจึงสามารถดัน GPM กลับไปอยู่ระดับปกติได้ที่ 20.5% ในไตรมาส 1/2566 จาก 12.6% ในปี 2565โดยผู้บริหารคาดว่า GPM น่าจะยืนเหนือระดับ 20% ได้ตลอดปีนี้

ทางฝ่ายมองบวกกับแนวโน้มของ SFLEX จากการลงทุนใหม่และการผนึกพันธมิตร รวมถึง GPM ที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่ากำไร SFLEX จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทมีแผนจะสร้างการเติบโตทั้งแบบ Organic และ Inorganic ในระยะต่อไป คาดว่ากำไรของ SFLEX จะโตถึง 131% เป็น 187 ล้านบาท ในปี 2566และโต 20% เป็น 224 ล้านบาทในปี2567 ปัจจุบันหุ้น SFLEX ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 19x (ค่าเฉลี่ย -1 S.D.) ต่ำกว่าช่วงปี 2563-64 ซึ่งอยู่ที่กว่า 30x