เอเซียพลัส ส่องกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม-โรงพยาบาล ชูหุ้นเด่น WHA-PR9-BDMS

#ทันหุ้น-ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส มีมุมมองต่อทิศทางกำไรหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โดยได้เลือกหุ้น WHA เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมขณะที่หุ้น PR9 และ BDMS เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มโรงพยาบาล
ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส คาดว่ากำไรสุทธิหุ้นกลุ่มนิคมฯ งวดไตรมาส 3/67 ที่ 1,664 ล้านบาท (+9%QOQ, +63%YOY) โดยหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯ ศึกษาประกอบด้วย AMATA(ประกาศงบ 14 พ.ย.) มีผลประกอบการที่โดดเด่นมาก โดยคาดก าไร 3Q67 ที่ 717 ล้านบาท (+210%QOQ,+81%YOY) เนื่องจากมียอดโอนมากถึง 452 ไร่ (มากกว่าครึ่งแรกปีนี้ ที่มียอดโอนรวมกัน 314 ไร่)
ขณะที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 ของ WHA (ประกาศงบ 8 พ.ย.) 947 ล้านบาท (-27%QOQ, +52%YOY) เนื่องจากมียอดโอนที่ดินราวๆ 304 ไร่ ลดลงจาก ไตรมาส 2/67 ที่ 620 ไร่
ภาพอุตสาหกรรมกลุ่มนิคมฯ โดดเด่นมาก ด้านเงินลงทุนจากต่างประเทศยังหลั่งไหลเข้าไทยต่อเนื่อง ล่าสุด BOI เปิดเผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยยอด 9 เดือนแรกปีนี้ ทะลุไปถึง 7.2 แสนล้านบาท (+42%YOY) เช่นเดียวกับยอดส่งเสริมลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่มียอดสูงถึง 5.5 แสนล้าน (+38%YOY) นอกจากนี้ยังมี บริษัท TECH ยักษ์ใหญ่ของโลกให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในไทยในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA, EQUINIX
ด้านการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะเป็นอีกปัจจัยที่หนุนหุ้นกลุ่มนิคมฯ หากมองย้อนไปในเดือน ก.ย. ผลโพลชี้ HARRIS มีคะแนนนำ TRUMP อยู่พอสมควร แต่ในเดือนต.ค. TRUMP ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยใน SWING STATE TRUMP มีคะแนนนำถึง 6 จาก 7 รัฐ หาก TRUMP ชนะการเลือกตั้ง อาจส่งผลให้ให้สงครามการค้าจีนสหรัฐ (TRADE WAR) กลับมาปะทุร้อนแรงอีกครั้งและเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมฯ
ฝ่ายวิจัยชอบหุ้นกลุ่มนิคมฯทุกตัว แต่เลือก WHA เป็น TOP PICK โดยคาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 จะดีขึ้น QOQ จากยอดโอนที่ดินที่จะปรับเพิ่มตามปัจจัยฤดูกาลและมี GROSS MARGIN จากธุรกิจนิคมฯ ที่ระดับสูงราวๆ 60% รวมถึงมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT มูลค่า 1.1 พันล้านบาท
**กลุ่มโรงพยาบาล
ทิศทางกลุ่มโรงพยาบาล : ฝ่ายวิจัยประเมินผลการดำเนินงานของกลุ่มการแพทย์ในงวดไตรมาส 3/67 จะสามารถเติบโตได้ในระดับ YOY และ QOQ โดยหุ้นที่ศึกษาประกอบด้วย BH, BCH, BDMS, PR9 และ MASTER พบว่ามีทิศทางที่สดใส ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตนี้มาจากโรคระบาดตามฤดูกาล เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้เลือดออก การระบาดของโรคเหล่านี้ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติมีแนวโน้มเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยหลักจากตะวันออกกลาง เช่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE), โอมาน, และกาตาร์ หลังจากผ่านช่วงเทศกาลรอมฎอนในช่วงครึ่งแรกของปี
สำหรับโรงพยาบาลที่เน้นให้บริการผู้ป่วยเงินสดทั้งผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติ ฝ่ายวิจัยคาดว่า PR9 จะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มฯนอกจากแรงส่งของผลตามฤดูกาลแล้ว PR9 ยังมีการเริ่มขยายฐานผู้ป่วยในกลุ่มตะวันออกกลางตั้งแต่งวด 2Q67 ผ่านการท าการจัดตั้งทีมการตลาดต่างประเทศที่จะทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับสถานทูต โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดว่ารายได้จากกลุ่มดังกล่าวจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในงวดไตรมาส 3/67 ในแง่ของโรงพยาบาลที่ให้บริการผู้ป่วยประกันสังคมอย่าง BCH ฝ่ายวิจัยคาดผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ในระดับสูงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจากฐานกำไรที่ต่ำอันเป็นผลจากการกลับรายการรายได้ส าหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2)
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับปีก่อนมีแนวโน้มเติบโตได้เพียงเล็กน้อยจากการได้รับผลกระทบของจ านวนผู้ป่วยคูเวตที่ลดลง ในแง่ของโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามอย่าง MASTER ถึงแม้ว่าผลการด าเนินงานจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้้ำท่วม เนื่องจากผู้ใช้บริการส่วนใหญ่มาจากภาคเหนือและอิสาน ทำให้เกิดการเลื่อนเข้ารับการผ่าตัด แต่ยังคงมีผลการดำเนินงานเติบโตได้สอดคล้องกับภาพอุตสาหกรรมความงาม
สำหรับ TOP PICK กลุ่มฯงวดนี้เลือก PR9 (OUTPERFORM: FV@27B) ที่มีผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/67 เติบโตโดดเด่นสุดจากการขยายฐานผู้ป่วยตะวันออกกลาง และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในงวดไตรมาส 4/67 จากฐานผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ CHECK UP สูงสุดของปี และ BDMS (OUTPERFORM: FV@36B) ที่มีเครือข่ายทั่วภูมิภาคและโครงสร้างรายได้แข็งแกร่งในหลายมิติ รวมถึงได้รับประโยชน์จาก MEGA TREND ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ