รีวิวรดน้ำผักและต้นไม้ ด้วยน้ำซาวข้าว ลดการเกิดน้ำเสียได้นะ อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ถ้าผู้เขียนจะพูดว่า “ทุกบ้านล้วนสร้างน้ำเสียทุกวัน” ก็คงจะไม่ผิดค่ะ เพราะอย่างน้อยก็มีน้ำเสียจากน้ำที่เราใช้ล้างข้าว ล้างผัก ล้างจาน ที่ไหลลงท่อโดยตรง ซึ่งในน้ำเหล่านี้เต็มไปด้วยคราบไขมัน เศษอาหาร และสารอินทรีย์ ที่เมื่อสะสมมากๆ จะกลายเป็นภาระหนักให้กับระบบบำบัดน้ำเสียของชุมชน และปัญหาที่ตามมาคือระบบบำบัดหลายแห่งทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีน้ำเสียบางส่วนไหลลงสู่คลองและแม่น้ำโดยตรง ที่กลายเป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสีย กลิ่นเหม็น และการขาดออกซิเจนในน้ำ ที่จะส่งผลให้สิ่งมีชีวิตในน้ำตายเป็นจำนวนมาก และกระทบต่อสุขอนามัยของคนในพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม และนอกจากคราบไขมันและเศษอาหารแล้ว น้ำซาวข้าวที่หลายบ้านเททิ้งก็เป็นแหล่งสารอินทรีย์สำคัญที่เพิ่มภาระการบำบัด เพราะเต็มไปด้วยสารอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้ง่าย เมื่อไหลลงท่อในปริมาณมากอาจเกิดการหมักหมม มีกลิ่นเปรี้ยว และเป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่ทำให้ใช้ออกซิเจนในน้ำมากขึ้น ซึ่งนี่คือหนึ่งในสาเหตุของปัญหาน้ำเสียที่เรามองไม่เห็นค่ะ ดังนั้นการลดปริมาณน้ำซาวข้าวที่ทิ้งลงท่อ จึงเป็นการช่วยชะลอปัญหามลพิษตั้งแต่ต้นทาง และทำให้ภาระระบบบำบัดน้ำของชุมชนลดลงได้ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมารู้เกี่ยวกับการนำน้ำซาวข้าวมารดผักกันนะคะ ดังนี้ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า น้ำซาวข้าวคือน้ำที่ได้จากการล้างข้าวสารก่อนหุง ซึ่งมักจะมีลักษณะขาวขุ่นเนื่องจากมีแป้งจากเมล็ดข้าวหลุดออกมา ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่มักคุ้นชินกับการล้างข้าว 1-2 ครั้ง เพื่อให้ได้ข้าวสวยที่นุ่มและสะอาด แต่หลายบ้านก็เทน้ำซาวข้าวทิ้งโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทั้งที่จริงแล้วน้ำซาวข้าวถือเป็นแหล่งสารอาหารธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ในหลายด้าน ทั้งการทำอาหาร การล้างผัก และแม้กระทั่งรดน้ำต้นไม้ เพราะความพิเศษของน้ำซาวข้าว คือ มีคุณสมบัติช่วยบำรุงและเพิ่มธาตุอาหารให้กับดินและต้นไม้ได้อย่างอ่อนโยน ธาตุอาหารในน้ำซาวข้าวจะช่วยเสริมจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน กระตุ้นการเจริญเติบโตของราก ทำให้ต้นไม้ดูสดชื่นขึ้นเมื่อใช้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำสะอาด เพราะเป็นการนำน้ำที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในชีวิตประจำวันกลับมาใช้ซ้ำอย่างคุ้มค่า ช่วยลดน้ำเสียที่ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ และลดภาระการบำบัดน้ำในระบบสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับผู้ที่อยากทำเกษตรเล็กๆ ในบ้านหรือคอนโด และผู้ที่ใส่ใจเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และสาเหตุที่น้ำซาวข้าวสามารถนำมารดน้ำต้นไม้ได้ เพราะน้ำซาวข้าวมีธาตุอาหารจากผิวข้าวหลุดละลายออกมา ซึ่งเป็นธาตุอาหารจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เมื่อรดลงดิน แป้งจากน้ำซาวข้าวจะกลายเป็นอาหารให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ทำให้ระบบนิเวศในดินสมดุลและช่วยให้รากดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น ผลลัพธ์ที่เห็นได้คือใบเขียวสด รากแข็งแรง และการเติบโตของต้นไม้ที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมีมากนัก นอกจากนี้น้ำซาวข้าวยังถือเป็นการนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ ลดการสิ้นเปลืองน้ำสะอาดและลดปริมาณน้ำเสียที่ต้องผ่านการบำบัดในระบบชุมชน การรดน้ำด้วยน้ำซาวข้าวยังมีความอ่อนโยนเพราะไม่มีกลิ่นฉุนหรือสารเคมีตกค้าง ทำให้เหมาะสำหรับผักสวนครัวที่ต้องการความปลอดภัย สามารถใช้ได้กับพืชส่วนใหญ่ในบ้าน เช่น ผักบุ้ง ต้นหอม กะเพรา ไม้ดอกไม้ประดับ โดยเฉพาะถ้าใช้ในปริมาณพอดีและให้ดินระบายอากาศได้ดี จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน วิธีการคือให้เริ่มต้นด้วยการซาวข้าวตามปกติค่ะ โดยใช้ข้าวสารสะอาด ล้างรอบแรกให้เร็วเพื่อกำจัดฝุ่นผงหรือสิ่งสกปรกที่ติดมากับเมล็ดข้าว แล้วเททิ้งไป จากนั้นซาวข้าวรอบที่สองและสามจะได้น้ำซาวข้าวที่มีสารอาหารมากขึ้น ให้เก็บน้ำซาวข้าวส่วนนี้ใส่ภาชนะที่สะอาด ควรใช้ทันทีภายในวันเดียวเพื่อป้องกันการบูดและกลิ่นหมัก หากต้องการรดน้ำในปริมาณมาก สามารถเก็บน้ำซาวข้าวรวมไว้ในถังได้ แต่ควรตั้งในที่ร่มไม่โดนแดด และไม่เก็บเกิน 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการเน่าเสียนะคะ และก่อนนำไปใช้ควรกรองน้ำซาวข้าวด้วยตะแกรงหรือตาข่ายละเอียด เพื่อเอาเศษข้าวออก ลดความขุ่นของน้ำและป้องกันการอุดตันของดินหรือรากพืช จากนั้นสามารถเจือจางน้ำซาวข้าวด้วยน้ำสะอาดในอัตรา 1:1 หรือ 1:2 เพื่อให้สารอาหารไม่เข้มข้นเกินไป โดยเฉพาะสำหรับพืชที่อ่อนไหวง่ายหรือผักที่ปลูกในกระถาง เมื่อรดน้ำให้รดเฉพาะโคนต้น ไม่รดจนดินแฉะมากเกินไป เพื่อป้องกันการสะสมของแป้งและการเกิดเชื้อรา การเตรียมอย่างถูกวิธีแบบนี้จะช่วยให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากน้ำซาวข้าวและทำให้ต้นไม้แข็งแรงโดยไม่เกิดผลเสียค่ะ ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า น้ำซาวข้าวเหมาะสำหรับผักและต้นไม้ที่ต้องการสารอาหารบำรุงดินในระดับต่ำๆ และชอบดินที่ชุ่มชื้น เช่น ผักสวนครัวทั่วไป ผักบุ้ง คะน้า กะเพรา โหระพา ผักชี ต้นหอม รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับอย่างกุหลาบ ดาวเรือง และไม้ใบที่ต้องการใบเขียวสด เพราะแป้งและวิตามินในน้ำซาวข้าวจะช่วยเสริมจุลินทรีย์ในดิน กระตุ้นการแตกใบใหม่และทำให้ดอกออกดีขึ้น พืชที่ปลูกในกระถางหรือแปลงผักเล็กๆ ในบ้านก็สามารถใช้ได้ โดยจะเห็นผลชัดเจนเมื่อรดอย่างสม่ำเสมอ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ในทางกลับกันพืชที่ไม่ควรใช้น้ำซาวข้าวบ่อย คือ พืชที่ไม่ชอบดินแฉะหรือมีปัญหาการระบายน้ำ เช่น กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ หรือพืชที่ต้องการดินแห้งระหว่างรอบรดน้ำ เพราะแป้งในน้ำซาวข้าวอาจสะสมและทำให้ดินจับตัวแน่นจนรากขาดอากาศ เกิดเชื้อราหรือเน่าได้ง่าย นอกจากนี้ไม่ควรใช้กับพืชที่เป็นโรคโคนเน่าหรือมีปัญหาเชื้อราที่รากอยู่แล้ว เพราะน้ำซาวข้าวจะยิ่งเพิ่มความชื้นและทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับชนิดพืชจึงสำคัญ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่เกิดผลเสียต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ค่ะ ซึ่งการรดน้ำต้นไม้ด้วยน้ำซาวข้าวไม่จำเป็นต้องทำทุกวันนะคะ เพราะสารอาหารในน้ำซาวข้าวมีความเข้มข้นพอสมควร โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ เพื่อให้ต้นไม้ได้รับสารอาหารเสริมแบบค่อยเป็นค่อยไปและไม่ทำให้ดินสะสมแป้งมากเกินไป การรดบ่อยเกินไปอาจทำให้ดินจับตัวแน่นหรือเกิดเชื้อรา โดยเฉพาะในกระถางหรือพื้นที่ที่ระบายน้ำไม่ดี ควรสังเกตสภาพดิน ถ้ายังชื้นอยู่มากให้เว้นการรดไปก่อน เพื่อป้องกันน้ำขังและปัญหารากเน่าค่ะ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรด คือ น้ำซาวข้าวที่เพิ่งซาวเสร็จใหม่ๆ เพราะมีสารอาหารสดใหม่และยังไม่เกิดการหมักหมม ควรใช้ภายใน 24 ชั่วโมง หากต้องการเก็บไว้ควรตั้งในที่ร่มและภาชนะปิดฝาเพื่อชะลอการบูด การรดน้ำควรทำในตอนเช้าหรือเย็นที่แดดไม่แรง เพื่อลดการระเหยและช่วยให้รากดูดซึมได้เต็มที่ สำหรับผักสวนครัวที่โตเร็วอาจเพิ่มความถี่เป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่สำหรับไม้ประดับหรือพืชที่โตช้าให้รดเพียงสัปดาห์ละครั้ง เพื่อไม่ให้ดินสะสมสารอาหารมากเกินไปค่ะ ถ้าต้นไม้ได้รับน้ำซาวข้าวในปริมาณเหมาะสม เราจะสังเกตได้จากใบที่เขียวเข้มสดใสขึ้น แตกใบอ่อนใหม่ได้เร็วขึ้น ดอกออกดกหรือผลผลิตดีขึ้น ดินดูร่วนซุยมากขึ้นเพราะมีจุลินทรีย์ทำงาน และไม่มีกลิ่นเหม็นจากดิน ลำต้นดูแข็งแรงไม่เหี่ยวเฉาแม้ในวันที่อากาศร้อน การเติบโตโดยรวมดูสมดุล ไม่โตเร็วผิดปกติหรือผอมสูงผิดรูป นี่เป็นสัญญาณว่าต้นไม้ได้รับสารอาหารพอเหมาะและดินยังคงสมดุลค่ะ ในทางกลับกันถ้าต้นไม้ได้รับน้ำซาวข้าวมากเกินไปหรือบ่อยเกินไป เราจะเริ่มเห็นดินมีคราบขาวหรือจับตัวแน่น ใบเริ่มเหลืองหรือมีจุดสีน้ำตาล รากอาจเน่า มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวคล้ายหมักดอง และอาจเห็นแมลงหวี่หรือเชื้อราขึ้นผิวดิน หากปล่อยไว้นานต้นไม้จะเหี่ยวเฉาและชะงักการเจริญเติบโต การสังเกตสัญญาณเหล่านี้เป็นประจำจะช่วยให้เราปรับความถี่และปริมาณการใช้น้ำซาวข้าวได้เหมาะสม ป้องกันปัญหาก่อนเกิดความเสียหายกับต้นไม้ได้ค่ะ ถึงแม้ว่าน้ำซาวข้าวจะมีประโยชน์ แต่การใช้อย่างไม่เหมาะสมอาจสร้างปัญหาได้ ควรหลีกเลี่ยงการรดน้ำซาวข้าวทุกวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ดินระบายน้ำไม่ดี เพราะแป้งในน้ำซาวข้าวอาจสะสม และทำให้ดินแน่นจนรากขาดอากาศ ควรกรองเอาเศษข้าวออกก่อนรดเพื่อลดการบูดเน่าและป้องกันแมลงหวี่หรือเชื้อรา หากเป็นน้ำซาวข้าวที่เก็บไว้นานจนมีกลิ่นเปรี้ยว ควรทิ้งไปไม่ควรนำมาใช้ เพราะอาจเป็นการเพิ่มเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่เป็นประโยชน์ในดินนะคะ และการใช้มากเกินไปอาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหรือดินเน่าเสีย ต้นไม้จะแสดงอาการใบเหลือง เหี่ยว หรือรากเน่าได้ง่าย โดยเฉพาะพืชที่ไม่ชอบความชื้น นอกจากนี้การรดตอนแดดแรงอาจทำให้เกิดการหมักหมมและกลิ่นไม่พึงประสงค์เร็วขึ้น หรือดึงดูดแมลงมาวางไข่ การสังเกตต้นไม้และดินเป็นประจำจึงสำคัญค่ะ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลเพื่อปรับปริมาณและความถี่การรดน้ำซาวข้าวให้เหมาะสม และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียระยะยาวต่อดินและต้นไม้นะคะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณผู้อ่านก็คงจะพอมองภาพออกแล้วว่า น้ำซาวข้าวมีประโยชน์ ซึ่งการนำน้ำซาวข้าวมารดน้ำต้นไม้ มีส่วนช่วยลดปริมาณน้ำเสียที่ไหลลงท่อระบายน้ำและไหลไปสู่แหล่งน้ำสาธารณะค่ะ ที่โดยปกติน้ำซาวข้าวที่ถูกเททิ้งจะมีสารอินทรีย์ที่ทำให้เกิดภาระในการบำบัดน้ำในระบบชุมชน การนำน้ำนี้กลับมาใช้ซ้ำทำให้ลดภาระการบำบัด ลดค่าใช้จ่ายของชุมชน และช่วยชะลอการปนเปื้อนสารอินทรีย์ในแม่น้ำลำคลอง นอกจากนี้ยังเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพราะน้ำซาวข้าวเป็นของที่เกิดขึ้นอยู่แล้วทุกครั้งที่หุงข้าว การนำมารดน้ำต้นไม้จึงถือเป็นการเพิ่มคุณค่าก่อนที่น้ำจะถูกปล่อยทิ้งค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีในระยะยาว เนื่องจากแป้งและสารอาหารในน้ำซาวข้าวสามารถช่วยบำรุงดินได้ ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นและเสริมจุลินทรีย์ธรรมชาติในดิน การลดการใช้ปุ๋ยเคมีช่วยลดสารเคมีตกค้างที่อาจไหลลงสู่แหล่งน้ำและปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตปุ๋ยเคมี การนำน้ำซาวข้าวกลับมาใช้ จึงเป็นหนึ่งในแนวทางลดการเกิดของเสีย ที่สามารถทำได้ง่ายในครัวเรือน และช่วยให้เกิดการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างยั่งยืน และนอกจากการรดน้ำต้นไม้แล้ว น้ำซาวข้าวยังมีประโยชน์หลากหลายที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกและประหยัดขึ้น โดยเราสามารถใช้น้ำซาวข้าวล้างผักผลไม้เพื่อลดสารเคมีตกค้างได้นะคะ เพราะแป้งในน้ำช่วยดึงสิ่งสกปรกออกได้ดี ใช้ล้างจานที่มีคราบมันเพื่อลดการใช้น้ำยาล้างจานก็ได้ และยังสามารถใช้ซักผ้าขาวบางๆ เพื่อช่วยให้ผ้าดูขาวขึ้นตามภูมิปัญญาโบราณ ในบางบ้านยังนำน้ำซาวข้าวไปใช้ล้างหน้าและสระผม ที่จะเรียกได้ว่าเป็นของฟรีที่ใช้ประโยชน์ได้รอบด้านก็ได้ค่ะ ที่โดยสรุปแล้วการนำน้ำซาวข้าวกลับมาใช้ ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้คนในครอบครัวและชุมชน ให้เห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ช่วยสร้างนิสัยการจัดการของเสียจากในบ้าน และเกิดการเรียนรู้เรื่องแนวคิดแบบ Zero Waste ให้กับเด็กๆ และคนในบ้าน ทำให้เกิดการลดน้ำเสียตั้งแต่ต้นทาง นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าน้ำและลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนโดยรวม หากหลายครอบครัวทำพร้อมกันก็เป็นการช่วยลดภาระระบบบำบัดน้ำเสียของชุมชน และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนมากขึ้น จนเห็นผลทั้งระดับบ้านและสังคมในวงกว้างค่ะ ซึ่งปกติแล้วผู้เขียนนำน้ำซาวข้าวมาใช้เป็นระยะๆ เฉลี่ยแล้ว 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ยังไม่เคยเก็บสะสมน้ำซาวข้าวข้ามวันค่ะ พอมีน้ำซาวข้าวก็นำมาใช้รดผักสวนครัวเลย และที่นี่หุงข้าวทุกวัน จึงมีน้ำซาวข้าวเหลือเฟือสำหรับรดผักค่ะ โดยผู้เขียนพบว่าน้ำซาวข้าวใช้ได้ดีมากในการรดผักหรือต้นไม้ค่ะ ซึ่งบางทีที่นำมารดก็ไม่ได้เจือจางด้วยซ้ำไป แต่พืชผักก็ยังงามตามปกติค่ะ ยังไงนั้นอยากเชิญชวนคนไทยหันมาใช้ประโยชน์จากน้ำซาวข้าวมากขึ้น มาช่วยกันค่ะ มาช่วยกันลดการเกิดน้ำเสียในประเทศของเรา เพราะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมพอเกิดขึ้นแล้วจะกลายเป็นปัญหาส่วนรวม ในขณะที่ปัญหาด้านสุขภาพเวลาเกิดขึ้นจะเป็นปัญหาส่วนตัว ดังนั้นนอกจากเราจะต้องใช้ชีวิตให้มีความหมายด้วยแนวทางอื่นๆ แล้ว การดูแลใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมก็ไม่ควรละเลยค่ะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #รดน้ำผักด้วยน้ำซาวข้าว #ลดการเกิดน้ำเสีย #วิธีประหยัดน้ำ #บ้านนี้รักสิ่งแวดล้อม #ZeroWaste_Thailand เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล รดน้ำต้นไม้ ตอนไหนดี อยากใช้น้ำน้อยลง ต้องทำยังไงบ้าง 9 ทริคปลูกผักสวนครัวในพื้นที่จำกัด ไอเดียง่ายๆ สำหรับคนเมือง นมบูดที่บ้าน ทำอะไรได้เยอะ ประโยชน์จากจุลินทรีย์ ดีต่อดินและพืช เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !