JMT "ทรีนีตี้" คาดกำไร Q4/65 ทำนิวไฮ จับตาหลัง Spin-off ใน JAM

#JMT #ทันหุ้น-บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 488 ล้านบาท เติบโต 7% จากไตรมาสก่อนและโต 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งยังเป็นระดับนิวไฮรายไตรมาส แม้ว่าอัตราการเติบโตจะไม่สูมนักเมื่อเทียบกับช่วงก่อนๆ ทั้งนี้เนื่องจากฐานกำไรในไตรมาส 3/65 และกำไรงวดไตรมาส 4/64 อยู่ในระดับค่อนข้างสูง บวกกับอาจมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการขยายออฟฟิศ และพนักงาน
นอกจากนี้ยังอาจเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC เพิ่มขึ้นเป็น 53 ล้านบาท จากในไตรมาส 3/65 ที่ 35 ล้านบาท เนื่องจากมีการโอนหนี้จากธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เข้ามามากขึ้น
ทั้งนี้จากแนวโน้มกำไรปี 2565 ที่อาจต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 2565-2566 ลงราว 6% และ 10% จากประมาณการก่อนหน้า อย่างไรก็ตามยังคาดการณ์ว่ากำไรปี 2566 จะเติบโตราว 44% จากปีก่อน มองว่าปัจจัยกดดันจะลดลง ทั้งในแง่ของการจัดเก็บที่จะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และในแง่ของการซื้อหนี้ที่จะดีขึ้น หลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในสถาบันการเงิน และยังคาดจะเห็นส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ที่มากขึ้นจากการรับโอนหนี้มาจาก KBANK เพิ่มเติม
ฝ่ายวิจัย ระบุอีกว่าปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ การที่ JMT ได้สละสิทธิ์การเพิ่มทุนใน JAM ให้กับ บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ หรือ KINVEST ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ KBANK ด้วยมูลค่าการเข้าลงทุนไม่เกิน 3,500 ล้านบาท ทำให้หลังเพิ่มทุน JMT จะมีสัดส่วนใน JAM 90% และ KINVEST ถือ 10% ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำ JAM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะมีการปรับโครงสร้าง โดยให้ทาง JMT บริหารจัดการหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ขณะที่ JAM จะบริหารหนี้ที่มีหลักประกันและทางบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปประมูลซื้อหนี้เพิ่มเติม โดยปัจจุบันฝ่ายวิจัยยังรอความชัดเจนที่มากขึ้นเกี่ยวกับโครงสร้างภายหลังจากการ Spin-off
กลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำซื้อหุ้น JMT แต่ได้ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 ลงมาอยูี่ที่ 80 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันที่อ่อนตัวได้สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการ Spin-off ทำให้ Downside ต่ำมากแล้ว ขณะที่กำไรยังมีโอกาสเติบโตดี