รีเซต

SELICขายบิ๊กล็อตพันธมิตร กำเงินพร้อมเทคสตาร์ทอัพ

SELICขายบิ๊กล็อตพันธมิตร กำเงินพร้อมเทคสตาร์ทอัพ
ทันหุ้น
7 ตุลาคม 2564 ( 08:25 )
133

ทันหุ้น – บอสใหญ่ SELIC “เอก  สุวัฒนพิมพ์” ขายบิ๊กล็อต 20 ล้านหุ้น ให้พาร์ตเนอร์ต่อยอดธุรกิจในอนาคต เล็งใช้เงินลงทุนซื้อกิจการสตาร์ทอัพ แย้มมีโปรเจ็กต์แล้ว พร้อมกางแผนเพิ่มเครื่องจักรอัพกำลังผลิตสติกเกอร์ หลังดีมานด์ล้น จับตาผลงานไตรมาส 4/2564 ฟื้น คงเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10-15%

 

นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า จากการที่ผู้บริหาร นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SELIC ขายบิ๊กล็อตออกไปจำนวน 20 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 3.04 บาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขาย 60.80 ล้านบาทนั้น เป็นรายการขายบิ๊กล็อตให้ Synergic Partners คาดจะช่วยต่อยอดธุรกิจร่วมกันในอนาคต

 

**เล็งลงทุนสตาร์ทอัพ

 

ขณะที่เงินที่ได้จากการขายบิ๊กล็อต บริษัทมองการลงทุนเป็น 2 แบบ คือ 1. การลงทุนต่อธุรกิจที่มีศักยภาพ และมีทิศทางการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง โดยก่อนหน้านี้ลงทุนในบริษัท Start-Up (สตาร์ทอัพ) ในการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับข้อต่อ แบบ 3D Printing ด้วยการใช้ AI ในการประมวลผล ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้เพื่อจะลงทุนธุรกิจStart-Up เกี่ยวกับการแพทย์เพิ่มเติม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกาว สติกเกอร์ โดยมีโปรเจ็กต์ที่อยู่ระหว่างการศึกษาจำนวน 2-3 โปรเจ็กต์ แต่ยังไม่สรุป

 

อย่างไรก็ดีบริษัทจะพิจารณาการลงทุนที่มีผลตอบแทนดี และส่งผลต่อการเติบโตให้กับธุรกิจ SELIC ส่วนการลงทุนธุรกิจ Start-Up เกี่ยวกับการแพทย์ที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ อาจจะไม่ส่งผลต่อผลประกอบการให้ SELIC ในทันที แต่บริษัทเชื่อว่าระยะยาว 2-5 ปี จะสนับสนุนการเติบโตให้ SELIC อย่างมีนัยสำคัญ ตามอุตสาหกรรมที่บริษัทลงทุน

 

** ลงทุนเครื่องจักรใหม่

 

2. การลงทุนเครื่องจักรธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติกเกอร์ เพื่อรองรับการเติบโตและความต้องการใช้สติกเกอร์ในอนาคต เพราะปัจจุบันความต้องการสินค้าดังกล่าวมีอัตราการเติบโตสูง และบริษัทใช้กำลังการผลิตในช่วงที่ผ่านมาเกือบเต็ม 100% ทำให้บริษัทต้องศึกษาแผนการลงทุนเครื่องใหม่

 

ด้านทิศทางธุรกิจไตรมาสสุดท้าย หรือไตรมาส 4/2564 บริษัทประเมินว่าจะเป็นไตรมาสที่ฟื้นตัว และภาพธุรกิจชัดเจนกว่า 3 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยปัจจัยหนุนมาจากการกระจายวัคซีน และการคลี่คลายของโควิด-19 ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเริ่มกลับมาคึกคัก และจะส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคมี เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าไลฟ์สไตล์มียอดขายที่ดี และความต้องการใช้กาว สติกเกอร์จะเติบโตตามสินค้าดังกล่าวเช่นเดียวกัน

 

** คงเป้ารายได้โต 10-15%

 

นางสาวยุวดี กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตในปี 2564 ไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 10-15%จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,257.88 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 89.31 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวมแล้วที่ 749.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 59.08 ล้านบาท

 

โดยบริษัทวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจกาวให้ครอบคุลมในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทสามารถกระจายความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของคำสั่งซื้อได้ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม แพ็กเกจจิ้งและโลจิสติกส์ สินค้าอุปโภคภายในครัวเรือน รองเท้าและเครื่องหนัง และเฟอร์นิเจอร์ โดยมีเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 15%, 20%, 10% และ 5% ตามลำดับ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีการเติบโตที่ดีกว่าคาดที่ 18%, 39%, 7%, 30% และ 12% ตามลำดับ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง