16 ตัวอย่างของเสียอันตรายจากบ้านเรือน มีอะไรบ้าง เป็นแบบไหน อ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล คุณผู้อ่านอาจรู้มาบ้างแล้วว่า ขยะมีหลายประเภทและในแต่ละประเภทเราต้องช่วยกันคัดแยก ซึ่งขยะอันตรายหรืออีกคำพูดหนึ่งที่เรามักได้ยินก็คือของเสียอันตราย เป็นตัวอย่างของประเภทของขยะที่เราต้องนำไปจัดการอย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ โดยถ้าจะถามต่อไปอีกว่า แล้วมีอะไรบ้างที่เป็นขยะอันตรายใกล้ตัวเราจากที่บ้าน จากคำถามนี้คุณผู้อ่านพอจะบอกได้ไหมคะว่าตัวอย่างมีอะไรบ้าง แล้วทำไมถึงได้อันตราย? และถ้าตอนนี้คิดออกแค่เพียงบางอย่างหรือในบางคนอาจจะคิดไม่ออกเลย ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะในบทความนี้มีข้อมูลมาให้รู้กันแล้ว ว่ามีอะไรบ้างในบ้านของเราที่เป็นของเสียอันตราย อะไรคือจุดที่ทำให้ของสิ่งนั้นมีความอันตรายและต้องนำไปกำจัดอย่างเหมาะสม หากเราทิ้งไปกับขยะทั่วไปจะเกิดอะไรขึ้น โดยตัวอย่างที่ผู้เขียนจะได้นำเสนอไว้ในบทความนี้ ก็เพื่อเป็นแนวทางให้กับคุณผู้อ่านได้นำไปเป็นข้อมูล เพื่อสะสมหรือรวบรวมขยะอันตราย และนำไปในจุดที่ต้องทิ้งหรือนำไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมนะคะ และถ้าอยากรู้แล้วว่าขยะอันตรายในบ้านเราเป็นอะไรได้บ้าง งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ กับข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรือสารเคมีรุนแรง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรือสารเคมีรุนแรงที่เราใช้กันในบ้านบ่อยๆ อย่าง น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาขจัดท่อตัน หรือน้ำยาฟอกขาว โดยจุดสังเกตง่ายๆ เลยคือมักจะมีคำเตือนบนฉลากที่บอกว่า "อันตราย" "ระคายเคืองสูง" "ห้ามสัมผัสโดยตรง" หรือมีสัญลักษณ์รูปกะโหลกไขว้ รูปมือถูกกัดกร่อน หรือรูปปลาตาย เพราะสารเคมีเหล่านี้มีคุณสมบัติที่สามารถกัดกร่อนทำลายเนื้อเยื่อผิวหนัง ดวงตา หรือระบบทางเดินหายใจของเราได้ทันทีที่สัมผัสหรือสูดดมไอระเหยเข้าไป หากเราทิ้งลงท่อระบายน้ำหรือรวมกับขยะทั่วไป สารเคมีเหล่านี้ก็จะปนเปื้อนลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำตาย และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในระยะยาว นอกจากนี้หากถูกเผาไหม้ในเตาขยะก็อาจปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่ออากาศได้อีกด้วย ดังนั้น การจัดการทิ้งผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะจุดรับทิ้งขยะอันตราย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ 2. สารเคมีสำหรับสระว่ายน้ำ สำหรับคนที่มีสระว่ายน้ำที่บ้านคงคุ้นเคยกับสารเคมีสำหรับสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นคลอรีนในรูปผง แบบเม็ดหรือแบบน้ำ น้ำยาปรับค่า pH หรือสารกันตะไคร่น้ำ ซึ่งสารเหล่านี้สังเกตได้ง่ายๆ จาก ฉลากที่มีคำเตือนอันตราย ชัดเจน เช่น "อันตรายถึงตาย" "ระคายเคืองสูง" หรือมี สัญลักษณ์รูปคนระเบิด รูปกะโหลกไขว้ หรือรูปมือถูกกัดกร่อน เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้มีคุณสมบัติที่กัดกร่อนรุนแรง เป็นพิษสูง และบางชนิดก็ติดไฟได้ หากสัมผัสโดยตรงอาจทำให้ผิวหนังไหม้ ดวงตาบอด หรือสูดดมเข้าไปก็เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง หากเราทิ้งขวดเปล่าหรือสารเคมีที่หมดอายุลงถังขยะทั่วไป หรือเททิ้งลงท่อระบายน้ำ สารเคมีเหล่านี้จะปนเปื้อนลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำตาย และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้ นอกจากนี้การเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้องก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาอันตรายได้อีกด้วย ดังนั้นการจัดการทิ้งสารเคมีสำหรับสระว่ายน้ำที่เหลือใช้หรือภาชนะบรรจุที่ว่างเปล่าอย่างถูกวิธี โดยนำไปทิ้งที่จุดรับขยะอันตราย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านและเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของเราค่ะ 3. แบตเตอรี่ทุกชนิด แบตเตอรี่ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นถ่านไฟฉายก้อนเล็กๆ รีโมตทีวี โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่แบตเตอรี่รถยนต์ที่เราอาจทิ้งไว้นอกบ้าน ดูเหมือนจะเป็นของธรรมดา แต่แท้จริงแล้วคือของเสียอันตรายค่ะ เราสังเกตได้ง่ายๆ เพราะแบตเตอรี่ทุกชนิดมักจะระบุประเภทหรือขนาดเอาไว้ เช่น AA, AAA, C, D, 9V หรือมีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่ แต่สิ่งที่สำคัญคือภายในแบตเตอรี่เหล่านี้มีสารเคมีและโลหะหนักที่เป็นพิษ ซึ่งสามารถเป็นพิษต่อร่างกายของเราหากสัมผัสโดยตรง และเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมากหากทิ้งไม่ถูกวิธี หากแบตเตอรี่ถูกทิ้งรวมกับขยะทั่วไป สารพิษอาจรั่วไหลลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ทำให้ปนเปื้อนทั้งในดิน น้ำ และอากาศได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศในวงกว้าง ดังนั้นการแยกแบตเตอรี่เก่าออกจากขยะทั่วไป และนำไปทิ้งยังจุดรับคืนแบตเตอรี่โดยเฉพาะ จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรทำอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเราและสิ่งแวดล้อมค่ะ 4. น้ำมันเครื่องใช้แล้วและน้ำมันเบรก เมื่อพูดถึงการบำรุงรักษารถยนต์ หลายคนคงคุ้นเคยกับน้ำมันเครื่องและน้ำมันเบรก ซึ่งเป็นของเหลวสำคัญที่ช่วยให้รถของเราทำงานได้ดี แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกใช้งานจนเสื่อมสภาพ เราจะเรียกว่า "น้ำมันเครื่องใช้แล้ว" และ "น้ำมันเบรกใช้แล้ว" ซึ่งจะสังเกตได้ง่ายๆ จากสีที่เปลี่ยนไป เช่น น้ำมันเครื่องจะดำคล้ำ และน้ำมันเบรกจะขุ่นขึ้น นอกจากนี้กลิ่นก็จะเปลี่ยนไปจากเดิมด้วยค่ะ และเหตุผลว่าทำไมของเหลวเหล่านี้จึงเป็นของเสียอันตราย นั่นเป็นเพราะว่าน้ำมันเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะมีโลหะหนักและสารก่อมะเร็งปะปนอยู่ ส่วนน้ำมันเบรกก็เป็นพิษและมีคุณสมบัติกัดกร่อน หากเราทิ้งของเสียเหล่านี้ลงดินหรือแหล่งน้ำเพียงเล็กน้อย ก็สามารถปนเปื้อนน้ำดื่มและทำลายสิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมได้เป็นวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ในระยะยาว ดังนั้นการนำน้ำมันเครื่องและน้ำมันเบรกใช้แล้วไปทิ้งที่จุดรับเฉพาะ หรือศูนย์บริการรถยนต์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของทุกคนและเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของเราค่ะ 5. น้ำยาหล่อเย็น/น้ำยาหม้อน้ำ น้ำยาหล่อเย็น หรือที่บางคนเรียกว่า “น้ำยาหม้อน้ำ” เป็นของเหลวที่เรามักจะเห็นในรถยนต์ ที่มีหน้าที่ช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ หากเราสังเกตจากสีสัน มักจะเป็นสีสดใส เช่น เขียว ชมพู หรือส้มอมแดง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองค่ะ ที่ทำให้เป็นอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะกับเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยง เพราะมักมีกลิ่นและรสชาติหวานคล้ายน้ำหวาน จึงเป็นที่มาของคำว่า "ของเหลวหวานๆ ที่เป็นพิษร้าย" โดยเหตุผลที่น้ำยาหล่อเย็นเป็นของเสียอันตราย ก็เพราะว่ามีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีพิษร้ายแรง หากเผลอดื่มเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลต่อคนเราร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ และหากเททิ้งลงดินหรือแหล่งน้ำ สารพิษนี้ก็จะปนเปื้อนไปในสิ่งแวดล้อม ทำลายพืช สัตว์ และระบบนิเวศโดยรวมได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นเก่า ควรมั่นใจว่าจะนำไปทิ้งที่จุดรับทิ้งขยะอันตราย หรือศูนย์บริการรถยนต์ เพื่อจัดการอย่างถูกวิธี และเพื่อความปลอดภัยของทุกคนและสิ่งแวดล้อมของเราค่ะ 6. หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์และหลอด CFL เราคงคุ้นเคยกับหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลอดนีออนยาวๆ”และหลอด CFL ที่เรียกว่า “หลอดตะเกียบ” กันดี เพราะให้แสงสว่างที่ดีและประหยัดพลังงานกว่าหลอดไส้ทั่วไป แต่รู้ไหมคะว่าหลอดไฟเหล่านี้เป็นของเสียอันตรายที่ต้องทิ้งอย่างถูกวิธี แล้วเรารู้ได้ยังไงว่าเป็นของเสียอันตราย ให้สังเกตจากรูปร่างที่ต่างจากหลอดไส้ทั่วไปค่ะ โดยหลอดฟลูออเรสเซนต์จะเป็นแท่งยาวๆ ส่วนหลอด CFL จะเป็นขดๆ หรือเกลียวๆ และเหตุผลที่เป็นอันตราย ก็เพราะว่าภายในหลอดมีโลหะหนักที่เป็นพิษร้ายแรง หากหลอดไฟแตกจะระเหยออกมาเป็นไอ และเมื่อเราสูดดมเข้าไปจะส่งผลเสียต่อคนเราอย่างรุนแรง นอกจากนี้หากทิ้งหลอดไฟเหล่านี้รวมกับขยะทั่วไป เมื่อหลอดแตกและสารปรอทรั่วไหลลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ก็จะปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และสามารถสะสมอยู่ในห่วงโซ่อาหารได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมถึงตัวเราเองด้วย ดังนั้นเมื่อหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์หรือหลอด CFL หมดอายุ ควรนำไปทิ้งยังจุดรับขยะอันตรายโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเราและสิ่งแวดล้อมค่ะ 7. ยาหมดอายุหรือยาเหลือใช้ ในตู้ยาที่บ้านของเรา หลายคนคงมียาที่หมดอายุแล้ว หรือยาที่กินไม่หมดเหลืออยู่เยอะแยะไปหมด ยาเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ด ยาน้ำ ยาฉีด หรือแม้แต่ยาทาภายนอกให้สังเกตจากวันหมดอายุที่ระบุบนซอง กล่อง หรือขวด หากวันหมดอายุผ่านไปแล้ว หรือยาเปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่น จับตัวเป็นก้อน นั่นแสดงว่ายาเสื่อมสภาพแล้ว หากเราทิ้งรวมกับขยะทั่วไป สารเคมีเหล่านี้อาจซึมลงดิน ปนเปื้อนแหล่งน้ำ และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากยาเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือเด็ก สัตว์เลี้ยง หรือบุคคลที่ไม่เข้าใจ อาจนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว ดังนั้นการนำยาหมดอายุหรือยาเหลือใช้ไปทิ้งตามจุดรับยาเหลือใช้ที่โรงพยาบาล ร้านขายยา หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราทุกคนควรทำอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของคนในครอบครัวและเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของเราค่ะ 8. น้ำยาล้างเล็บและน้ำยาล้างสีเจล สำหรับคนที่ชอบทาเล็บ ไม่ว่าจะเป็นยาทาเล็บธรรมดาหรือสีเจล ก็ต้องมีน้ำยาล้างเล็บและน้ำยาล้างสีเจลติดบ้านไว้ โดยน้ำยาเหล่านี้มักมีกลิ่นฉุนเฉพาะตัวที่มักจะแรงมาก และบนขวดมักจะมีคำเตือนเรื่อง "ไวไฟ" หรือ "ระคายเคือง" เพราะสารเคมีหลักๆ ในน้ำยาล้างเล็บเป็นสารที่ติดไฟง่ายมาก หากเก็บไว้ใกล้ความร้อนหรือประกายไฟก็อาจเกิดไฟไหม้ได้ง่ายๆ นอกจากนี้สารเคมีเหล่านี้ยังเป็นอันตรายต่อคนเรา หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก หรือสัมผัสผิวหนังเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวแห้งแตก หากเราเททิ้งลงท่อระบายน้ำ สารเคมีเหล่านี้จะปนเปื้อนแหล่งน้ำ และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำได้ หากทิ้งรวมกับขยะทั่วไปและนำไปกำจัดด้วยการเผา ก็อาจปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายออกสู่ชั้นบรรยากาศได้อีกด้วย ดังนั้นเมื่อน้ำยาล้างเล็บหรือน้ำยาล้างสีเจลหมดอายุหรือใช้หมดแล้ว ควรเก็บภาชนะบรรจุอย่างระมัดระวังและนำไปทิ้งที่จุดรับขยะอันตราย เพื่อความปลอดภัยของทุกคนและสิ่งแวดล้อมค่ะ 9. สเปรย์กระป๋องอัดแก๊ส หลายคนอาจลืมสังเกตไปว่า เราใช้สเปรย์กระป๋องอัดแก๊สกันเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสเปรย์ฉีดผม สเปรย์ระงับกลิ่นกาย สเปรย์ปรับอากาศ หรือแม้กระทั่งสีสเปรย์ สังเกตได้ง่ายๆ คือจะเป็นกระป๋องโลหะที่มีหัวฉีด และเมื่อกดแล้วจะมีละอองพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงฟู่ๆ นั่นแหละค่ะคือแก๊สอัดแรงดันภายในกระป๋อง แล้วทำไมสเปรย์กระป๋องอัดแก๊สจึงเป็นของเสียอันตรายได้ นั่นเป็นเพราะว่าภายในกระป๋องมี แก๊สไวไฟที่ถูกอัดแรงดันสูงมาก หากกระป๋องถูกเจาะ ถูกทุบ หรือโดนความร้อนจัดๆ เช่น วางทิ้งไว้กลางแดดจัดๆ ก็อาจเกิดการระเบิดได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้คนและทรัพย์สิน นอกจากนี้สารเคมีที่อยู่ในสเปรย์บางชนิดก็อาจเป็นพิษหากสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก และยังเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหากทิ้งไม่ถูกวิธี ทำให้สารเคมีปนเปื้อนในดินและน้ำได้ ดังนั้นเมื่อใช้สเปรย์กระป๋องอัดแก๊สหมดแล้ว ควรมั่นใจว่าจะทิ้งอย่างระมัดระวัง ไม่ควรเจาะหรือทุบกระป๋อง และนำไปทิ้งยังจุดรับขยะอันตรายที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมค่ะ 10. กาวบางชนิด ในบ้านของเรามีกาวหลายประเภท ตั้งแต่กาวลาเท็กซ์ กาวตราช้าง ไปจนถึงกาวที่ใช้ในงานเฉพาะทางอย่างกาวสำหรับงานไม้หรืองานประปา ซึ่งกาวเหล่านี้บางชนิดเป็น ของเสียอันตรายค่ะ เราจะสังเกตได้ง่ายๆ จาก กลิ่นที่ฉุนจัด หรือบนฉลากจะมี คำเตือนว่า "ไวไฟ" "ระคายเคือง" หรือมีสัญลักษณ์รูปเปลวไฟ โดยเฉพาะกาวที่มีสารตัวทำละลายอินทรีย์เป็นส่วนประกอบหลัก เพราะมีคุณสมบัติที่ติดไฟง่ายมาก ไอระเหยสามารถทำให้เกิดอาการต่างๆ ได้ หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก และถ้าเราทิ้งภาชนะกาวที่ยังไม่หมดหรือมีคราบกาวติดอยู่รวมกับขยะทั่วไป เมื่อนำไปเผาสามารถปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายออกสู่บรรยากาศได้ หรือหากสารเคมีรั่วไหลลงสู่ดินและน้ำ ก็จะปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมได้อีกเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อใช้กาวหมดแล้ว ควรมั่นใจว่าจะทิ้งภาชนะบรรจุอย่างระมัดระวัง ไม่ควรเก็บไว้ใกล้ความร้อนหรือประกายไฟ และนำไปทิ้งที่จุดรับขยะอันตรายที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของตัวเราและเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมค่ะ 11. สีทาบ้าน น้ำมันสน ทินเนอร์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการทาสี ใครที่เคยทาสีบ้านหรือทำงาน DIY คงคุ้นเคยกับสีทาบ้าน น้ำมันสน ทินเนอร์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทาสีเป็นอย่างดีค่ะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักมีกลิ่นที่ฉุนเฉพาะตัวค่อนข้างแรง และบนภาชนะบรรจุมักจะมี คำเตือนเรื่อง "ไวไฟ" "ระคายเคือง" หรือมีสัญลักษณ์รูปเปลวไฟชัดเจน เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่มีสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และสารตัวทำละลายที่เป็นพิษ ซึ่งมีคุณสมบัติที่ติดไฟง่ายมาก ไอระเหยสามารถทำให้เกิดอาการต่างๆ ในคนเราได้ หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน หากเราทิ้งกระป๋องสีที่ยังไม่หมด ภาชนะบรรจุที่ปนเปื้อนสี หรือผ้าเปื้อนทินเนอร์รวมกับขยะทั่วไป สารเคมีเหล่านี้อาจรั่วไหลลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ทำให้เกิดการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้ นอกจากนี้หากถูกเผาไหม้ในเตาขยะ ก็อาจปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายออกสู่ชั้นบรรยากาศได้อีกด้วย ดังนั้นเมื่อมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้เหลือใช้หรือภาชนะเปล่าที่ยังคงมีคราบ ควรนำไปทิ้งยังจุดรับขยะอันตรายที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านและเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมของเราค่ะ 12. สารกำจัดศัตรูพืชและยาฆ่าแมลง ในบ้านเราโดยเฉพาะบ้านที่มีสวนหรือพื้นที่เกษตรเล็กๆ คงคุ้นเคยกับสารกำจัดศัตรูพืชและยาฆ่าแมลง ไม่ว่าจะเป็นยาฉีดกันยุง ยาฆ่ามด กำจัดแมลงสาบ หรือยาฉีดต้นไม้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักมีกลิ่นที่ฉุนเฉพาะตัว และบนบรรจุภัณฑ์มักจะมีคำเตือนอันตราย ชัดเจน เช่น "เป็นพิษ" "ห้ามสัมผัส" หรือมีสัญลักษณ์รูปกะโหลกไขว้ รูปปลาตาย หรือรูปพืชที่เหี่ยวเฉา เพราะสารเคมีเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อฆ่าหรือยับยั้งสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นสารเคมีอันตรายและเป็นพิษสูง หากสัมผัสโดยตรง สูดดม หรือรับประทานเข้าไป อาจส่งผลกระทบต่อคนเรา ที่สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากเราทิ้งภาชนะเปล่า สารกำจัดศัตรูพืชที่เหลือใช้ หรือยาฆ่าแมลงที่หมดอายุรวมกับขยะทั่วไป สารพิษเหล่านี้จะรั่วไหลลงสู่ดินและแหล่งน้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้ปนเปื้อนทั้งดิน น้ำ และอากาศ ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศ รวมถึงมนุษย์ที่บริโภคน้ำหรือพืชผักที่ปนเปื้อนด้วย ดังนั้นการเก็บรักษาและกำจัดสารเหล่านี้อย่างถูกวิธี โดยนำไปทิ้งยังจุดรับขยะอันตรายที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยของทุกคนและเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมของเรานะคะ 13. เข็มฉีดยาหรือของมีคมทางการแพทย์ที่ใช้แล้ว ในบางบ้านอาจมีการใช้เข็มฉีดยาสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ใช้ของมีคมทางการแพทย์ต่างๆ เช่น ใบมีดผ่าตัดเล็กๆ และนี่คือสิ่งที่เราต้องระวังเป็นพิเศษค่ะ เพราะเป็นของมีคมติดเชื้อค่ะ เข็มที่ผ่านการใช้งานแล้วอาจมีสิ่งปนเปื้อนจากเลือดหรือสารคัดหลั่งต่างๆ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งหากไปทิ่มแทงหรือบาดมือใครเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดการแพร่กระจายและติดเชื้อได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เก็บขยะหรือแม้แต่สมาชิกในบ้านของเราเอง นอกจากนี้หากทิ้งลงดินหรือแหล่งน้ำ ก็สามารถปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมและเป็นสิ่งที่ก่อความเจ็บป่วยได้อีกด้วย ดังนั้นการทิ้งเข็มฉีดยาหรือของมีคมทางการแพทย์ที่ใช้แล้วอย่างถูกวิธี โดยการใส่ในภาชนะที่แข็งแรงปิดมิดชิด เช่น ขวดน้ำพลาสติกหนาๆ แล้วนำไปทิ้งยังจุดรับขยะติดเชื้อ หรือสถานพยาบาลที่รับทิ้งโดยเฉพาะ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในสังคมค่ะ 14. ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์อื่นๆ นอกเหนือจากน้ำมันเครื่องหรือน้ำยาหล่อเย็นแล้ว ในบ้านเราหลายคนคงมีผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาขัดเงารถยนต์ น้ำยาทำความสะอาดเบาะ น้ำยาเช็ดกระจก หรือแม้แต่น้ำยาเติมหม้อน้ำฉีดกระจก ซึ่งของเหลวเหล่านี้มักจะมาในรูปขวดหรือแกลลอน มีสีสันต่างๆ และมีกลิ่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป บางชนิดมีกลิ่นหอม หรือบางชนิดก็อาจจะมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย และเหตุผลที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกจัดเป็นของเสียอันตราย ก็เพราะว่าส่วนประกอบมักจะมีสารเคมีที่เป็นพิษหรือสารระเหยง่าย หากสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือถ้าสูดดมไอระเหยเข้าไปในปริมาณมาก ก็อาจส่งผลต่อคนเรา นอกจากนี้สารเคมีบางชนิดยังเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก หากเราเททิ้งลงท่อระบายน้ำหรือรวมกับขยะทั่วไป ก็จะปนเปื้อนลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ทำลายสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศได้ ดังนั้นเมื่อมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่หมดอายุหรือใช้หมดแล้ว ควรเก็บภาชนะเปล่าอย่างระมัดระวัง และนำไปทิ้งยังจุดรับขยะอันตรายที่เหมาะสม ไม่ควรทิ้งรวมกับขยะทั่วไป เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านและเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของเราค่ะ 15. เครื่องมือวัดอุณหภูมิร่างกายแบบแบบปรอท ปรอทวัดไข้แบบแก้วที่เราคุ้นเคยกันดี ซึ่งเป็นหลอดแก้วเล็กๆ ใสๆ มีขีดบอกอุณหภูมิ และมีของเหลวสีเงินวาวอยู่ข้างใน เราเรียกว่า “ปรอท” ค่ะ หากปรอทวัดไข้แตก สารปรอทสีเงินวาวนั้นจะไหลออกมา ซึ่งปรอทเป็นโลหะหนักที่มีพิษร้ายแรง ถ้าเราเผลอสูดดมไอระเหยของปรอทเข้าไปหรือสัมผัสโดยตรง สารพิษนี้จะส่งผลกระทบต่อคนเราในระยะยาวได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากปรอทที่รั่วไหลปนเปื้อนลงดินหรือแหล่งน้ำ ก็จะสะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อม และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในห่วงโซ่อาหาร รวมถึงมนุษย์ที่บริโภคพืชหรือสัตว์ที่ปนเปื้อนด้วย ดังนั้นเมื่อปรอทวัดไข้แตกหรือไม่ใช้งานแล้ว ควรเก็บรวบรวมเศษแก้วและปรอทอย่างระมัดระวังด้วยการใช้กระดาษแข็งกวาดรวมกัน ห้ามใช้มือเปล่าสัมผัสหรือใช้เครื่องดูดฝุ่น จากนั้นนำไปใส่ในภาชนะที่ปิดมิดชิด เช่น ขวดพลาสติก แล้วนำไปทิ้งที่จุดรับขยะอันตรายที่เทศบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดไว้ให้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านและเพื่อสิ่งแวดล้อมของเราค่ะ 16. ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เก่า ทุกวันนี้บ้านเราเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เก่า ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าที่ไม่ได้ใช้ คอมพิวเตอร์ที่ตกรุ่น ทีวีพังๆ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กๆ น้อยๆ ที่เสียแล้ว และเหตุผลว่าทำไมสิ่งของเหล่านี้ถึงเป็นของเสียอันตราย ก็เนื่องจากภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีโลหะหนักและสารเคมีอันตรายซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งสารเหล่านี้เป็นพิษต่อร่างกายของเราอย่างมาก หากสัมผัสโดยตรงหรือหากอุปกรณ์แตกหักและสารพิษรั่วไหลออกมา ก็จะปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำได้ง่ายๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศในระยะยาว นอกจากนี้หากนำไปเผาทำลายอย่างไม่ถูกวิธี ก็จะปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายออกสู่ชั้นบรรยากาศได้อีกด้วย ดังนั้นเมื่อมีผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เก่าที่ไม่ใช้แล้ว ควรนำไปทิ้งยังจุดรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการจัดการอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยของทุกคนและเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีของเราค่ะ และทั้งหมดนั้นคือตัวอย่างเพียงบางส่วนของสิ่งของภายในบ้านที่เป็นของเสียอันตราย โดยบางอย่างก็เป็นขยะที่เราสะสมไว้แล้วในบ้าน และบางอย่างเราก็อาจจะเพิ่งมาเจอว่าหมดอายุและกลายเป็นขยะอันตรายก็ได้ค่ะ โดยที่นี่ผู้เขียนก็มีเหมือนกัน เพราะล่าสุดได้รวบรวมไปให้ทางเทศบาลนำไปกำจัด เช่น หลอดไฟนีออนยาว ถ่านอัลคาไลน์สำหรับใส่ไฟฉาย เข็มฉีดยา ขวดสีสเปรย์และอื่นๆ อีกหลายอย่างเลยค่ะ โดยในบ้านของคุณผู้อ่านเองก็จะมีขยะอันตรายด้วยเหมือนกันค่ะ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเราไม่คิดว่าเป็นของเสียอันตราย เพียงเพราะว่าไม่รู้หรืออาจจะไม่ได้สังเกตเครื่องหมายหรือข้อมูลต่างๆ ยังไงนั้นอ่านมาถึงตรงแล้ว คงพอจะมองภาพออกกันบ้างแล้วนะคะ และถ้ามีหน่วยงานในชุมชนของเรา ประกาศให้เรารวบรวมของเสียอันตรายจากครัวเรือน คราวนี้คงพอจะเห็นภาพกันแล้วว่ามีอะไรได้บ้าง ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป หากต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดที่รูปโปรไฟล์ใต้ชื่อบทความนี้ค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Freepik จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-3,6 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 4 โดย patsanannnn จาก Unsplash และภาพที่ 5 โดย Markus Spiske จาก Unsplash เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล ผลกระทบจากการทิ้งขยะไม่เป็นที่ ในสิ่งแวดล้อม มีอะไรบ้าง 10 แนวทางคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง จากบ้านเรือน ทำอะไรได้บ้าง 10 ปัญหาสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน ส่งผลกระทบต่อคนได้ มีอะไรบ้าง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !