หน้าร้อนในเมืองไทย ไม่ว่าจะปีไหนก็หนีไม่พ้นอุณหภูมิที่พุ่งทะลุ 35 ถึง 40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะคนที่อยู่คอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด แถมยังไม่มีต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงา ความร้อนอบอ้าวในตอนกลางวันอาจทำให้เราเหนื่อยล้าและไม่มีสมาธิทำงานได้เลย ผมเองเคยคิดว่าทางเดียวที่จะรอดพ้นจากอากาศร้อนนี้คงมีแต่การเปิดแอร์ แต่เมื่อค่าไฟในแต่ละเดือนพุ่งเกิน 2,000 บาท ผมก็เริ่มมองหาวิธีอื่นแทน ช่วงนั้นผมตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายและอยากใช้ชีวิตแบบประหยัดพลังงานมากขึ้น ผมเริ่มหาข้อมูล ทดลองหลายวิธี และสังเกตผลลัพธ์ด้วยตัวเอง จนพบว่าจริง ๆ แล้ว เราสามารถเปลี่ยนบ้านให้เย็นขึ้นได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์เลย ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังช่วยให้บ้านปลอดโปร่ง โล่งสบาย รู้สึกสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย ในบทความนี้ ผมจะมาแชร์ 5 วิธีทำให้บ้านเย็นขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งแอร์ จากประสบการณ์จริงของผมเองที่ลองมาหมดแล้ว และได้ผลจริงในหน้าร้อนของไทย ลองปรับใช้ตามดู รับรองว่าเห็นผลตั้งแต่วันแรก 1. เปิดหน้าต่างและพัดลมเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดแต่ได้ผลมากที่สุดคือการใช้ลมธรรมชาติร่วมกับพัดลม การเปิดหน้าต่างในช่วงเวลาที่อากาศภายนอกไม่ร้อนจัด เช่น ช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น จะช่วยให้อากาศเย็นจากภายนอกไหลเวียนเข้ามาภายในบ้านได้ดีขึ้น ผมมักเปิดหน้าต่างฝั่งตรงข้ามกัน เพื่อให้ลมสามารถพัดผ่านแบบ cross ventilation โดยมีพัดลมตั้งพื้นช่วยดันลมเข้าและอีกตัวดึงลมออก วิธีนี้ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ถึง 2-3 องศา และถ้าทำเป็นประจำในช่วงเย็น อุณหภูมิพื้นบ้านจะเย็นลงเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องเปิดแอร์แม้ในวันต่อมา 2. ตั้งพัดลมเพดานให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา ( ถ้าหากมี ) พัดลมเพดานหลายคนมีติดบ้านอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าการหมุนใบพัดของพัดลมนั้นมีผลต่อทิศทางลม ถ้าหมุนตามเข็มนาฬิกา ลมจะไหลขึ้นด้านบน ทำให้เหมาะกับหน้าหนาว แต่หากหมุน ทวนเข็มนาฬิกา ลมจะถูกดันลงมาจากเพดาน และกระจายไปทั่วห้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะกับหน้าร้อนมาก ผมลองตั้งค่าตามนี้ และพบว่าห้องนั่งเล่นรู้สึกเย็นขึ้นโดยไม่ต้องเปิดแอร์เลย พัดลมเพดานยังช่วยให้ลมพัดผ่านผิวหนังได้ทั่วถึงมากกว่าพัดลมตั้งพื้น เพราะลมจะกระจายทั่วบริเวณ ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง 3. วางน้ำแข็งหรือขวดน้ำเย็นไว้หน้าพัดลม นี่คือวิธีที่ผมทดลองแล้วรู้สึก "ว้าว" มากที่สุด เพราะมันง่ายแต่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับเครื่องทำลมเย็นเลยทีเดียว โดยวางชามหรือถาดที่มีน้ำแข็งก้อน หรือขวดน้ำแช่แข็งไว้หน้าพัดลมตั้งพื้นหรือพัดลมตั้งโต๊ะ แล้วเปิดพัดลมให้เป่าลมผ่านน้ำแข็ง ผลที่ได้คือ ลมที่ออกมาจะเย็นสดชื่นแบบทันตาเห็น โดยเฉพาะเวลาทำงานนั่งโต๊ะหรือใช้คอมพิวเตอร์ ลมเย็นแบบนี้ช่วยให้โฟกัสดีขึ้นมาก และยังลดการระคายเคืองจากอากาศร้อนและแห้งอีกด้วย วิธีนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้เช่าคอนโดและคนที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะต้นทุนต่ำ ทำได้ทุกวัน และไม่ต้องเสียไฟเพิ่มเหมือนแอร์ 4. ใช้ผ้าม่านหรือฟิล์มกรองแสงช่วยลดความร้อนจากแสงแดด บ้านส่วนใหญ่ที่ร้อนจัดในตอนกลางวัน มักมีแสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกจำนวนมาก โดยเฉพาะห้องที่หันไปทางทิศตะวันตก ผมจึงเลือกติดฟิล์มกรองแสงที่สามารถสะท้อน UV ได้ และใช้ผ้าม่านแบบทึบแสง (Blackout Curtain) ช่วยกันแสงในช่วงบ่ายถึงเย็น หลังติดตั้งเพียงไม่กี่วัน ผมสังเกตว่าอุณหภูมิห้องลดลงประมาณ 2-3 องศา และไม่รู้สึกว่า “บ้านอบ” เหมือนแต่ก่อนอีกเลย ซึ่งส่งผลดีต่อการนอนหลับและการทำงานแบบ Work From Home อย่างมาก 5. ปลูกต้นไม้ในบ้านและระเบียงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น วิธีสุดท้ายที่ผมชอบที่สุด คือการปลูกต้นไม้ในบ้าน แม้จะอยู่คอนโดก็ตาม ผมเริ่มจากการตั้งกระถาง “ลิ้นมังกร” และ “ยางอินเดีย” ไว้ในห้องนั่งเล่น กับปลูก “พลูด่าง” ไว้ที่ระเบียง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น ทำให้ลมที่พัดผ่านตัวเรารู้สึกเย็นขึ้น และลดฝุ่นในห้องได้ดีอีกด้วย ต้นไม้ยังมีผลต่อความรู้สึกและอารมณ์ ผมรู้สึกสบายตา รู้สึกสดชื่นมากขึ้นทุกครั้งที่มองใบไม้เขียว ๆ ต้นไม้บางชนิดยังช่วยดูดสารพิษในอากาศ เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ ได้อีกด้วย เป็นการเปลี่ยนบ้านให้น่าอยู่ขึ้นในทุกมิติ หลังจากทดลองใช้เทคนิคเหล่านี้มาประมาณ 2 เดือนในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ผมพบว่าความเปลี่ยนแปลงในบ้านนั้นชัดเจนมาก ไม่ใช่แค่เรื่องอุณหภูมิที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น การวางน้ำแข็งหน้าพัดลมนั้นได้ผลเกินคาด โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่แดดแรง ๆ ลมที่ออกมาจะเย็นกว่าปกติจนเหมือนมีเครื่องทำลมเย็นเลยครับ ส่วนพัดลมเพดานแบบหมุนทวนเข็มนาฬิกาก็เป็นอีกตัวช่วยที่ดีมาก ทำให้ลมไม่หมุนวนเฉย ๆ แต่กระจายทั่วห้องจริง ๆ จนรู้สึกว่าแม้จะไม่มีแอร์ก็อยู่ได้แบบสบาย ๆ ส่วนตัวผมชอบวิธีปลูกต้นไม้ในห้องที่สุด เพราะมันไม่เพียงแค่ช่วยลดความร้อนเท่านั้น แต่ยังทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวา สบายตา และน่าอยู่มากขึ้นจริง ๆ ในฐานะคนที่ทำงานจากบ้านเป็นหลัก ผมรู้เลยว่าอุณหภูมิภายในบ้านส่งผลโดยตรงต่อสมาธิและความรู้สึกของเรา วิธีเหล่านี้อาจดูเรียบง่าย แต่กลับเปลี่ยนชีวิตประจำวันของผมไปอย่างมาก ยิ่งพอเห็นค่าไฟลดลงเดือนละเกือบพัน ผมก็ยิ่งมั่นใจว่านี่คือทางเลือกที่ยั่งยืนในระยะยาวจริง ๆ อากาศร้อนอาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในประเทศไทย แต่การปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและเลือกใช้วิธีที่ฉลาดกว่าในการทำให้บ้านเย็น เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนติดแอร์ใหม่ หรือต้องจ่ายค่าไฟแพง ๆ เสมอไป บางครั้งการปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ และใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็อาจทำให้บ้านเย็นขึ้นได้มากกว่าที่คิด ผมเชื่อว่าบ้านที่น่าอยู่ไม่ใช่แค่บ้านที่เย็น แต่เป็นบ้านที่เจ้าของบ้านรู้สึกสบายใจและควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายหรือบรรยากาศภายใน หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังมองหาวิธีอยู่กับหน้าร้อนแบบชาญฉลาด ผมแนะนำให้ลองวิธีเหล่านี้ดูครับ แล้วคุณจะพบว่าการมีบ้านเย็นไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์เลยด้วยซ้ำ รูปภาพปกทั้งหมดมากจาก pexels :|: Maria Orlova // ภาพประกอบที่ 1 | Curtis Adams // ภาพประกอบที่ 2 รูปภาพประกอบทั้งหมดจาก pexels :|: Maria Orlova // ภาพประกอบที่ 1 | Curtis Adams // ภาพประกอบที่ 2 | Ronit Shaked // ภาพประกอบที่ 3 | julie aagaard // ภาพประกอบที่ 4 | Akil Mazumder // ภาพประกอบที่ 5 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !