สวัสดีครับเพื่อนๆ เกมเมอร์ทุกท่าน วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ย้อนเวลากลับไปสัมผัสกับตำนาน JRPG สุดคลาสสิกในยุค PlayStation 2 ที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ Remaster กับเกม Romancing SaGa Minstrel Song Remastered ครับ เกมนี้ถือเป็นภาคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในซีรีส์ SaGa ด้วยระบบการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งเสรีภาพในการเลือกตัวละคร เนื้อเรื่องที่หลากหลาย และระบบ Glimmer ที่ทำให้การต่อสู้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของเกมนี้มาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นจากเหล่าเกมเมอร์รุ่นพี่ หรือจากการบอกเล่าปากต่อปากถึงความสนุก ความยาก และความอิสระที่หาไม่ได้จากเกม RPG อื่นๆ ส่วนตัวผมเองก็เป็นแฟนตัวยงของซีรีส์นี้มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ จำได้ว่าสมัยนั้นต้องแอบไปเล่นที่ร้านเกม เพราะยังไม่มีเครื่อง PlayStation 2 เป็นของตัวเอง พอรู้ว่ามีการ Remastered ออกมา ก็รีบซื้อมาเล่นทันทีเลยครับ ความรู้สึกแรกที่ได้เล่นเวอร์ชั่น Remaster นี้คือ "มันใช่เลย!" ทุกอย่างที่ผมชอบในเวอร์ชั่นเดิมยังคงอยู่ แต่ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ภาพสวยขึ้น เสียงเพราะขึ้น เล่นลื่นไหลขึ้น เหมือนได้กลับไปสัมผัสกับความทรงจำในวัยเด็กอีกครั้ง เอาล่ะครับ เกริ่นมาซะยาว เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ว่า Romancing SaGa Minstrel Song Remastered เวอร์ชั่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ผมจะขอรีวิวแบบเจาะลึกทุกหัวข้อ พร้อมเล่าประสบการณ์ที่ได้เจอในระหว่างเล่นให้ฟังด้วยนะครับ กราฟิกและเสียง : สวยงามย้อนยุค เพลงประกอบอลังการ สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือเรื่องของกราฟิกครับ ตัวเกมได้รับการปรับปรุงภาพให้คมชัดขึ้น รองรับความละเอียดสูงระดับ 4K ทำให้ภาพในเกมดูสวยงามขึ้นมาก โดยเฉพาะฉากต่างๆ ในเกม อย่างพวกฉากเมือง ฉากดันเจี้ยน ที่ดูมีรายละเอียดมากขึ้น สีสันสดใสขึ้น รายละเอียดของฉากหลังต่างๆ เช่น ต้นไม้ ภูเขา เมฆ ถูกเพิ่มเข้ามา ทำให้โลกของเกมดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเกมก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของลายเส้นแบบดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ตัวละคร มอนสเตอร์ และฉากต่างๆ ยังคงความเป็น Romancing SaGa เอาไว้ ให้ความรู้สึก nostalgic สุดๆ เหมือนได้หยิบเอาเกมเก่ามาปัดฝุ่นเล่นอีกครั้ง ส่วนเพลงประกอบนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะขึ้นชื่อว่าซีรีส์ SaGa เพลงประกอบต้องอลังการอยู่แล้ว ยิ่งเพลง "Minstrel Song" นี่คือ ขนลุกทุกครั้งที่ได้ยิน เพราะมากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ดนตรีในเกมนี้เป็นผลงานการประพันธ์ของ Kenji Ito นักประพันธ์เพลงประกอบเกมชื่อดัง ซึ่งเขาได้สร้างสรรค์บทเพลงที่ไพเราะ ทรงพลัง และเข้ากับบรรยากาศของเกมได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเพลงในฉากต่อสู้ เพลงในเมือง เพลงในดันเจี้ยน ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงคุณภาพ ที่ฟังแล้วติดหู ผมเองถึงกับต้องไปหา Soundtrack มาฟังเลยล่ะครับ นอกจากนี้ เสียงพากย์ของตัวละครก็ทำออกมาได้ดี เสียงพากย์มีความหลากหลาย เข้ากับบุคลิกของตัวละครแต่ละตัว เช่น เสียงของอัลเบิร์ตจะฟังดูสุขุม นุ่มลึก ส่วนเสียงของบาร์บาร่าจะฟังดูสดใส ร่าเริง โดยรวมแล้วในด้านกราฟิกและเสียงถือว่าทำออกมาได้ดีเยี่ยม ไม่มีที่ติครับ เนื้อเรื่อง : อิสระแห่งการเลือกสรร เส้นทางชีวิตของวีรชน อย่างที่บอกไปตอนต้นครับว่า เกมนี้เราสามารถเลือกเล่นได้ถึง 8 ตัวละคร ซึ่งแต่ละคนก็จะมีภูมิหลัง เป้าหมาย และเส้นทางการผจญภัยที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราสามารถเล่นซ้ำได้หลายรอบ โดยที่แต่ละรอบก็จะได้พบกับเรื่องราวใหม่ๆ ตัวละครใหม่ๆ และฉากจบที่แตกต่างกัน นี่แหละครับคือเสน่ห์ของเกม Romancing SaGa ที่ทำให้ผมหลงรัก เราสามารถเลือกที่จะเป็นใครก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด เหมือนกับการได้ใช้ชีวิตในโลกของเกมจริงๆ ผมขอเล่าถึงประสบการณ์การเล่นของผมหน่อยละกันครับ รอบแรกผมเลือกเล่นเป็น "อัลเบิร์ต" อัศวินหนุ่มผู้มีภาระต้องปกป้องตระกูลจากภัยคุกคาม เนื้อเรื่องของอัลเบิร์ตค่อนข้างดราม่า เข้มข้น มีปมเกี่ยวกับครอบครัว ความรัก และการเสียสละ ผมต้องต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ ไขปริศนา และตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของอัลเบิร์ต เล่นไปลุ้นไป อินมากครับ มีอยู่ฉากหนึ่งที่ผมต้องเลือกระหว่าง การช่วยเหลือเพื่อน กับการทำตามหน้าที่ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก สุดท้ายผมเลือกที่จะช่วยเหลือเพื่อน แม้จะต้องแลกกับการละทิ้งหน้าที่ก็ตาม พอเล่นรอบสอง ผมเลือกเล่นเป็น "บาร์บาร่า" นักเต้นสาวผู้เดินทางตามหาความฝัน เนื้อเรื่องของบาร์บาร่าจะออกแนวสดใส ผจญภัย มีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ พบเจอผู้คนมากมาย ได้เรียนรู้ทักษะการเต้น การแสดง และการต่อสู้ ผมพาบาร์บาร่าเดินทางไปทั่วโลก แสดงโชว์ตามเมืองต่างๆ ต่อสู้กับเหล่าโจร และตามหา "สมบัติแห่งนักเต้น" สนุกไปอีกแบบครับ แตกต่างจากการเล่นเป็นอัลเบิร์ตอย่างสิ้นเชิง ระบบการเล่น : Glimmer จุดประกายแห่งกลยุทธ์ อีกหนึ่งเสน่ห์ของเกมนี้ก็คือระบบ Glimmer หรือระบบ "วาบความคิด" นั่นเองครับ ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้การต่อสู้ในเกมนี้ไม่น่าเบื่อ และเต็มไปด้วยความท้าทาย โดยในระหว่างการต่อสู้ ตัวละครของเราจะมีโอกาส "เกิดวาบความคิด" คิดค้นท่าไม้ตายใหม่ๆ ออกมาใช้ ซึ่งท่าไม้ตายที่คิดได้ก็จะขึ้นอยู่กับ อาวุธ ทักษะ และสถานการณ์ในตอนนั้น ผมจำได้ว่าตอนเล่นครั้งแรก ตื่นเต้นกับระบบนี้มาก เพราะเราไม่รู้เลยว่าตัวละครจะคิดท่าอะไรออกมา บางทีก็คิดท่าธรรมดา บางทีก็คิดท่าเทพๆ ออกมา เช่น ตอนที่ผมเล่นเป็นอัลเบิร์ต เขาใช้วาบความคิด คิดค้นท่า "Thousand Spear" ออกมา ซึ่งเป็นท่าที่โจมตีศัตรูด้วยหอกจำนวนมาก สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง ผมนี่แบบ "เฮ้ย! เจ๋งอะ" ทำให้การต่อสู้แต่ละครั้ง ไม่มีทางซ้ำซาก จำเจ ต้องคอยลุ้น คอยวางแผน ตลอดเวลา ว่าจะใช้ท่าอะไร จะโจมตีใครก่อน จะป้องกันอย่างไร ซึ่งระบบนี้แหละครับ ที่ทำให้ Romancing SaGa แตกต่างจากเกม RPG อื่นๆ ความยากของเกม : ท้าทายสมเป็น SaGa ใครที่เคยเล่นเกมซีรีส์ SaGa มาก่อน น่าจะรู้ดีว่าเกมนี้ขึ้นชื่อเรื่องความยาก ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจระบบเกมพอสมควร ตัวเกมไม่มีระบบเลเวล การพัฒนาตัวละครขึ้นอยู่กับการใช้งาน ยิ่งใช้ทักษะไหนบ่อยๆ ทักษะนั้นก็จะเก่งขึ้น แถมศัตรูในเกมก็โหดเอาเรื่อง มีทั้ง มอนสเตอร์ บอส และตัวละครลับ ที่แข็งแกร่งมาก ถ้าไม่วางแผนดีๆ ไม่รู้จักใช้เทคนิคต่างๆ อาจจะตายได้ง่ายๆ เลยครับ ผมจำได้ว่าตอนเล่นช่วงแรกๆ ตายบ่อยมาก โดยเฉพาะตอนเจอบอส บางตัวนี่โหดสุดๆ ต้องลองผิดลองถูก เปลี่ยนอาวุธ เปลี่ยน formation อยู่หลายรอบ กว่าจะผ่านไปได้ แต่พอผ่านไปได้แล้ว รู้สึกสะใจมากครับ เหมือนกับได้เอาชนะความท้าทาย เอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง ซึ่งความยากของเกมนี่แหละ ที่ทำให้ Romancing SaGa เป็นเกมที่เล่นแล้วไม่เบื่อ อยากจะกลับมาเล่นซ้ำๆ เพื่อพิชิตความยาก และค้นหาเส้นทางใหม่ๆ อยู่เสมอ ระบบใหม่ๆ ในเวอร์ชั่น Remastered นอกจากการปรับปรุงกราฟิกและเสียงแล้ว ในเวอร์ชั่น Remastered นี้ยังมีการเพิ่มระบบใหม่ๆ เข้ามาด้วย เช่น เพิ่มความเร็วในการเล่น ทำให้เล่นได้ลื่นไหลขึ้น ไม่เสียเวลา เพิ่มโหมด "New Game+" ให้เราสามารถเล่นต่อจากเซฟเดิมได้ โดยที่ไอเทม และความสามารถต่างๆ ยังคงอยู่ เพิ่มดันเจี้ยนใหม่ และ บอสใหม่ ให้เราได้ท้าทาย ปรับปรุง UI ให้ใช้งานง่ายขึ้น ซึ่งระบบใหม่ๆ เหล่านี้ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเล่น และทำให้เกมมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโหมด "New Game+" ที่ทำให้ผมสามารถเล่นตัวละครเดิม แต่เลือกเส้นทางใหม่ๆ ได้ ทำให้ผมอยากจะกลับไปเล่นซ้ำๆ เพื่อดูฉากจบทั้งหมดของทุกตัวละครเลยล่ะครับ จุดเด่นของเกม กราฟิกและเสียงที่สวยงาม เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม มีอิสระในการเลือกเส้นทาง ระบบ Glimmer ที่ทำให้การต่อสู้สนุก ความท้าทายที่สูง เล่นแล้วไม่เบื่อ มีระบบใหม่ๆ ที่เพิ่มความสะดวกสบาย จุดด้อยของเกม อาจจะยากเกินไปสำหรับผู้เล่นใหม่ บางคนอาจจะรู้สึกว่าเกม "ช้า" ไปหน่อย สรุป Romancing SaGa Minstrel Song Remastered คือเกม JRPG สุดคลาสสิกที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ ตัวเกมยังคงรักษาเสน่ห์ของเวอร์ชั่นเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับการปรับปรุง และเพิ่มระบบใหม่ๆ เข้ามา ทำให้เกมนี้เป็นเกมที่คุ้มค่าแก่การเล่น ไม่ว่าจะเป็นแฟนเกมรุ่นเก่า หรือผู้เล่นใหม่ที่อยากลองสัมผัสกับตำนาน JRPG ผมขอแนะนำเกมนี้เลยครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน คะแนน : 9.5/10 ปล. สำหรับใครที่ชอบเกม RPG แนว Open World ที่มีอิสระในการเล่นสูง เนื้อเรื่องเข้มข้น และระบบการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใคร ผมขอแนะนำ Romancing SaGa Minstrel Song Remastered เลยครับ รับรองว่าคุณจะต้องหลงรักเกมนี้อย่างแน่นอน ส่วนตัวผมยกให้เป็นเกมในดวงใจอีกเกมหนึ่งเลย เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !