วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องวิดีโอเกมกันครับ เป็นอะไรที่เด็ก ๆ ทุกคนในสมัยนั้นโหยหาที่อยากจะได้มาครอบครอง หรือเพียงแค่ได้เล่นได้สัมผัส ซึ่งเด็ก ๆ ที่ได้เล่นจริง ๆ คือเด็กที่มีครอบครัวที่มีฐานะดี หรือมีอันจะกินเท่านั้นแหล่ะครับ หลัก ๆ แล้ววิดีโอเกมเป็นแหล่งบันเทิงอย่างหนึ่งซึ่งสามารถฆ่าเวลาได้เป็นอย่างดี และทำให้เด็ก ๆ เพลิดเพลินได้อย่างมากเลย แถมยังได้ฝึกสมอง และความไวในการตัดสินใจของเราอีกต่างหาก ผมจึงหยิบเอาวิดีโอเกมที่ผมเกิดทันและได้สัมผัสมาจริง ๆ นั่นก็คือ Famicom หรือ (แฟมิลี่) Famicom (แฟมิคอม) ผลิตออกมาช่วงปี 1983 ผลิตขึ้นโดยบริษัท Nintendo เป็นค่ายยักใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น รูปภาพโดย: WikimediaImages จาก pixabay.com ใคร ๆ ก็คงต้องรู้จักเจ้าเครื่องเล่นgame Famicom (แฟมิคอม) เกมรุ่นนี้ในยุคนั้นดังมาก ๆ เกมที่ฮิต ๆ กันก็จะเป็นเกมมาริโอ หรือ คอนทร้า แพ็คแมน ใครไม่ได้เล่นถือว่าเชยมาก ๆ หรือตลับรวมเกม 30 in 1 เสน่ห์ของเจ้าเกมแฟมมิคอม คือการรวมตลับเกม ไม่ว่าจะเป็น 30 in 1 หรือรวมเกมฮิต ๆ หลาย ๆ เกมเข้าด้วยกัน ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายของเรา และสูตรเกมที่ต้องค้นหาได้มากเลยครับ ความสนุกของมันคือการเคลียร์ด่านแต่ล่ะด่าน ซึ่งความยากก็แตกต่างกันออกไป อยู่ที่เลเวลของตัวละคร จุดมุ่งหมายคือการเคลียร์เกมเพื่อให้ได้ไปต่อในด่านต่อไป และจุดพีคคือการเคลียร์ด่านสุดท้าย และมีฉากจบ หรือฉากลับที่ตัวเกมซ่อนไว้ให้เราได้ติดตาม ซึ่งนี้ก็คือสเน่ห์ของ VDO Game ของยุค 90 รูปภาพโดย:Alexas_Fotos ภาพจาก pixabay.com ในยุคต่อมาก็เริ่มมีการพัฒนาขึ้นมาก็ได้มีการผลิตเครื่องเกมส์ Mega drive (เมกาไดร์ฟ) ที่ผลิตโดยบริษัท SEGA ผลิตออกมาในปี ค.ศ.1988 ในสมัยนั้นถือว่าแพงมากครับ และตัวเกมก็หาเล่นได้ยากนาน ๆ จะผลิตออกมาสักเกม แต่ความระเอียดความสวยของภาพในเกมน่าเล่นขึ้นมากจริง ๆ ครับ รูปภาพจาก: pxhere.com หลังจากเครื่อง Maga ออกมาได้ไม่นาน ทางด้านของ Nintendo ก็ได้ปล่อยเครื่องเกมรุ่นใหม่ออกมาตีตลาด สู้กับค่าย SAGA คือ รูปภาพโดย:WikimediaImage ภาพจาก pixabay.com เครื่องเกม Super Famicom (ซูเปอร์ แฟมิคอม) ออกมาวางจำหน่ายในปี ค.ศ.1990 ซึ่งเป็นเครื่องเล่นเกมแบบ 16 บิต เหมือนกับเครื่อง Saga แต่เท่าที่ผมสัมผัสมาผมว่า เจ้าเครื่อง Super Famicom สีสันจะสดกว่า กราฟฟิคการเคลื่อนไหวก็ออกจะลื่นไหลกว่า Saga ในช่วงนั้นผมคลั่งเอามาก ๆ ถึงขั้นโดดเรียนเข้าร้านเกมวันเว้นวันเลย จนแม่จับได้ไม่รู้จะทำไง เลยซื้อเครื่องเกมมาให้เล่นที่บ้านซะเลย แต่ต้องแลกกับการโดนหักค่าขนมวันละ 20 บาท และผลการเรียนห้ามมีติด 0 หรือ ติด ร.ไม่งั้นยึดเครื่องเกมอันนี้ผมเอามาเล่ากันเพื่อขำ ๆ นะครับแต่เป็นเรื่องจริงสมัยเด็ก ๆ ของผมครับ เกมที่ฮิตเอามาก ๆ ในตอนนั้น ต้องเป็นเกมนี้เท่านั้นครับ Street Fighter สุดยอดเกมยุค 90 และก็ยังเป็นต้นกำเนิดของเกมแนวไฟต์เตอร์ในภาคต่อที่ผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำจากเกมตลับมาเป็น game แบบแผ่น CD ซึ่งสมัยนั้นผมเรียกได้ว่าเป็นยุคล่มสลายของเกมตลับเลยครับ เพราะในตลาดของเครื่องเล่นวิดีโอเกมได้ผลิตเครื่องเล่นเกมออกมาแข่งขันกันมากมายเหลือเกิน ซึ่งเครื่องเล่นเกมที่ออกมาฆ่าบรรดาเกมตลับทั้งหลายคือค่ายเกมยักใหญ่คือค่ายเกม Sony และตัวเกมจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเครื่องเล่นเกมที่มีชื่อว่า Sony Play Station (PS1) (เพลย์สเตชั่น) รูปภาพจาก:WikimediaImages จาก pixabay.com Play Station (PS1) (เพลย์สเตชั่น) เป็นผลงานของบริษัท Sony ครับ เปิดตัวในปี ค.ศ. 1994 เป็นเครื่องเล่นเกมแบบ 32 บิต ที่มีความละเอียดสูงขั้นโดยมีสิ่งที่แตกต่างจากเครื่องเล่นเกมอื่นในยุคนั้นอย่างชัดเจนตรงที่เกมที่ใช้เล่นนั้นจะเป็นแบบใช้แผ่น CD ครับ ซึ่งเครื่องในยุคก่อนหน้านั้นจะเป็นแบบตลับ ผมถือว่าเป็นเครื่องเล่นที่ใช้แบบแผ่น CD เป็นเครื่องแรก ๆ ของในวิดีโอเกม ส่วนเกมที่ฮิตมาก ๆ ในตอนนั้นก็มีเกม Winning, Bio, Grantarismo GT, Silent Hill และอีกหลาย ๆ เกม หรือภาคต่อของเกมดัง ๆ ที่ผลิตตามออกมาอีกมากมาย รูปภาพโดย:Ahmadreza89 ภาพจาก pixabay.com แต่ที่น่าสนใจคือเกม Bio กับ Silent Hill ทั้ง 2 เกมส์ เป็นเกมแนวใหม่ที่ให้ทำภาระกิจ และมีเนื้อเรื่องในแต่ละฉากให้ผู้เล่นได้ติดตาม ซึ่งในสมัยนั้นเกมแนวนี้ถือว่าเป็นเกมแนวใหม่ทั้งเนื้อเรื่องที่หน้าติดตาม กราฟฟิคที่สวยสมจริง ความลุ้นระทึกสยองขวัญ ทำให้ผู้เล่นได้ความแปลกใหม่ในทุก ๆ ฉากที่ได้เคลียร์จบลง ทั้งยังมีการนำเนื้อเรื่องของตัวเกมส์ไปทำภาพยนต์ จนโด่งดังและมีภาคต่อจนมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน รูปภาพโดย:StockSnap จาก pixabay.com ด้วยที่ตัวเครื่องอ่านการเล่นเป็นแผ่นแบบ cd ตัวแผ่นเล่นเกมจึงมีราคาถูกอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีแผ่นก๊อบปี้ผลิตออกมาซึ่งไม่ต่างกับแผ่นแท้เลย ยิ่งทำให้ราคาแผ่นก๊อปปี้นั้นอยู่ไม่เกิน 100 บาท แต่แผ่นแท้ราคาจะอยู่ประมาณ 400 -1,000 บาท อยู่ที่ความนิยมของแต่ล่ะเกมครับ แต่สุดท้ายเสน่ห์ของการเล่นวิดีโอเกมทุก ๆ เกมก็คือการเคลียร์ด่านต่าง ๆ เพื่อพบความทายใหม่ ๆ ที่นักพัฒนาตัวเกม ได้กำหนดให้ผู้เล่นได้สนุกไปกับความลับที่แอบแฝงอยู่ในเนื้อเรื่องของตัวเกมผู้สร้างได้คิดค้นขึ้นมาให้เข้ากับความเหมาะสมของแต่ละยุคแต่ละสมัยให้ผู้เล่นเกมได้เพลิดเพลิน และสนุกไปกับเกม นั่นก็คือเสน่ห์ของวิดีโอเกมครับ รูปภาพหน้าปกโดย:AbsolutVision จาก pixabay.com