รีเซต

ชายวัย 47 ปี ไปดูบ้านหลังถูกน้ำท่วม นับเดือน ปีนตัดต้นไผ่วูบดับ ทิ้งเมียตาบอดอยู่ลำพัง

ชายวัย 47 ปี ไปดูบ้านหลังถูกน้ำท่วม นับเดือน ปีนตัดต้นไผ่วูบดับ ทิ้งเมียตาบอดอยู่ลำพัง
มติชน
22 พฤศจิกายน 2565 ( 22:00 )
64
ชายวัย 47 ปี ไปดูบ้านหลังถูกน้ำท่วม นับเดือน ปีนตัดต้นไผ่วูบดับ ทิ้งเมียตาบอดอยู่ลำพัง

สลดชายวัย 47 ปี บ้านถูกน้ำท่วม หลังน้ำลดลงมาดูบ้าน ปีนตัดต้นไผ่วูบดับ !เมียตาบอดต้องอยู่เพียงลำพัง ไม่มีเงินจัดงานศพ


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ต.ท.อโนชา สรรศรี สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมือง จ.อุบลราชธานี รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตบนต้นไผ่ ที่บริเวณชุมชนหาดวัดใต้ ซอยเขื่อนธานี 3 ถนนเขื่อนธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี และกู้ชีพ 1669 ที่เกิดเหตุพบศพ นายวัชรินทร์ ศรีโชค อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/12 ชุมชนหาดวัดใต้ ซอยเขื่อนธานี 3 ถนนเขื่อนธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เสียชีวิตอยู่บนกอไผ่ สภาพศพศรีษะติดอยู่กับกอไผ่ สูงประมาณ 5 เมตร เจ้าหน้าที่กู้ชีพร่วมกับชาวบ้านได้ปีนขึ้นไปนำศพลงมา

 

จากการสอบสวนทราบว่านายวัชรินทร์  ศรีโชค มีฐานะยากจน อาศัยอยู่กับนางลัดดา คนเพียร อายุ 54 ปี ภรรยา ซึ่งพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง โดยประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมภรรยาได้พากันกลับลงมาจากศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน โดยได้เข้ามาซ่อมแซมบ้านที่ชำรุดเสียหายจากน้ำท่วมได้ 3 วัน กระทั่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปปีนต้นไผ่ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 20 เมตรระหว่างปีนตัดไม้ไผ่อยู่นั้นเกิดอาการวูบ จนหมดสติค้างอยู่บนก่อไผ่ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ 1669 จึงได้ส่งศพไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เพื่อทำการชันสูตรศพ

 

ต่อมาช่วงเย็นวันนี้(22 พ.ย.) ญาติและชาวบ้านได้นำศพผู้ตายจากกลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เพื่อนำศพไปมอบให้กับทางวัดสารพัดนึก เพื่อทำการเผาศพ เนื่องจากไม่มีเงินที่จะจัดการศพ โดยมีภรรยาที่ตาบอดซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศก ร้องไห้ตลอดเวลา โดยมีเพื่อนบ้านพามาที่วัดเพื่อส่งศพสามีเป็นครั้งสุดท้าย

 

นางลัดดา คนเพียร ภรรยาผู้ตายที่ตาบอดทั้ง 2 ข้าง กล่าวว่า จากนี้ไปคงจะต้องลำบากมากที่สามีเสียชีวิตแล้ว ปกติที่อยู่ด้วยกันสามีดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง ตนเองตาบอดมองไม่เห็นเกือบ 5 ปีแล้วตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา เพราะเป็นต้อหินไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ขอนแก่น คงต้องอยู่เพียงลำพัง

 

ด้านนางสาวศิริลักษณ์  ศรีลารักษ์ หลานสาวนางลัดดา กล่าวว่า หลังจากที่น้ำท่วมลดลงแล้ว ผู้ตายกับป้าที่พิการตาบอด พึ่งกลับลงมาอยู่บ้านได้ 3-4 วัน แต่มานอนบ้านได้คืนเดียว ผู้ตายได้ไปตัดไม้ไผ่เพื่อจะเอามาซ่อมแซมบ้านที่ชำรุด ซึ่งสภาพศพผู้ตายที่พบน้ำลายฟูมปาก ติดอยู่บนกอไม้ไผ่ ขาชี้ออกมา ศรีษะติดอยู่ข้างในแต่ไม่ตกลงมาที่พื้น ป้าซึ่งเป็นเมียก็ตาบอด อยู่ด้วยกันเพียง 2 คน ก่อนเกิดเหตุพึงตัดไม้ไผ่ได้ไม่กี่ลำก็ได้ยินชาวบ้านตะโกนเรียกให้มาดูและก็โทรเรียกรถกู้ชีพ 1669 เมื่อมาถึงก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว ที่บ้านฐานะยากจน มีแต่เงินช่วยเหลือคนพิการที่ตาบอด เดือนละ 800 บาท

ส่วนผู้ตายก็มีอาชีพรับจ้างทั่วไปหากินไปวันๆ ช่วงน้ำท่วมหนักก็พากันไปอยู่ศูนย์พักพิงที่โรงเรียนเทศบาล เงินก็ไม่มี กินแต่ข้าวกล่องที่ทางเทศบาลนำมาแจกเท่านั้น ซึ่งหากมีผู้ใจบุญอยากจะช่วยเหลือได้ที่เลขบัญชีธนาคารออมสิน สาขาถนนยุทธภัณฑ์ หมายเลขบัญชี 020252615347 ชื่อ นางลัดดา คนเพียร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง