CPALL วูบต่ำรอบ 10 เดือน บทสรุปเกิดอะไรขึ้น?

ทีมงานทันหุ้นได้สำรวจและสรุปสาเหตุได้ดังนี้ 

1.ผลพวงจากบมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) ร่วงแรง หลังจากที่ประกาศผลประกอบการออกมา  กำไรไตรมาส 2 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ โดยยังคงฟื้นตัวช้า จากการบริโภคที่ไม่ได้ฟื้นมาก ขณะที่ โลตัสยังเป็นตัวกดดันอยู่

โดยบริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย)  ได้ปรับประมาณกำไร และ เป้า CPAXT ลงจาก 40.00 บาท จากเดิม 45.00 บาท 

โดยระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 ที่ 1.5 พันล้านบาท หดตัว -4% YoY และ -30% QoQ (จาก 1.6 พันล้านบาทใน 2Q22 และ 2.2 พันล้านบาทใน 1Q23) 

หากตัดค่าใช้จ่ายการคืนหนี้ก่อนกำหนดและกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมจำนวน 185 ล้านบาทออกจะทำให้บริษัทมีกำไรปกติที่ 1.7 พันล้านบาท โต +8% YoY และหดตัว -22% QoQ 

โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้ 1) รายได้รวมอยู่ที่ 1.21 แสนล้านบาท จาก i.ธุรกิจค้าส่ง SSSG อยู่ที่ +6% ii. รายได้ค่าเช่าที่ 3.5 พันล้านบาท โต +6% YoY iii.ธุรกิจค้าปลีก SSSG อยู่ที่ -3% จากการปรับลดชั่วโมงเปิดทำการลงในบางสาขา 2) รายได้อื่นที่ 703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +33% YoY แต่ลดลง -38% QoQ เทียบกับ 1Q23 ที่มีการจัดงานตลาดนัดโชห่วย 3) GPM รวมอยู่ที่ระดับ 15.7% หลักจาก GPM ธุรกิจค้าส่งลดลง

4) SG&A อยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท จากค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้นเทียบ YoY, ค่าใช้จ่ายจากสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้นและการลงทุนในธุรกิจออนไลน์และการขายนอกร้าน

ปรับประมาณกำไรปี 2023E/2024E ลงเป็น -20%/-18% เป็น 9.1 พันล้านบาทและ 1.2 หมื่นล้านบาท จาก 1.14 และ 1.41 หมื่นล้านบาท โต +18%/+27% จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวได้ช้าจาก 3QTD23E-SSSG ของธุรกิจค้าส่งอยู่ระดับ +2-3% และธุรกิจค้าปลีกที่ยังเห็นติดลบ -1-3% รวมถึงค่าใช้จ่ายลงทุนธุรกิจออนไลน์และการขายนอกร้านของธุรกิจค้าส่งที่ยังสูงต่อเนื่องใน 2H23E ราคาหุ้น underperform SET ที่ -6%/-16% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลต่อกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภคจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และธุรกิจค้าปลีกที่ฟื้นตัวช้า 

อย่างไรก็ตามเราแนะนำ “ซื้อ” จากผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังที่จะฟื้นตัวได้โดดเด่น

ขณะที่ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  Lotus ในไทย มาเลเซีย น่าจะยังมี SSSG อ่อนตัวที่ -0.6%, -7.2% ในไตรมาส 2/66 ขณะที่อัตราการเติบโตของยอดขายของ Lotusในระยะยาวมีแนวโน้มต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ โดย Lotus ปิดสาขา mini go fresh (จำนวน 108 สาขาในไตรมาส 2/66) และการลดเวลาให้บริการจาก 24 ชั่วโมง เหลือ 18 ชั่วโมง ซึ่งน่าจะบ่งบอกว่าสาขารูปแบบนี้มีผลประกอบการไม่ดีนักและบริษัทอาจปรับลดแผนขยายสาขาในเร็ว ๆ นี้

อีกทั้งเมื่อวันที่ 7 ก.ค.66 Lotus?s เผยว่าปีนี้บริษัทจะเปิด supermarket ในมาเลเซียเพิ่มเพียง 8 สาขาจากเดิมที่วางแผนไว้ 14 สาขา รวมทั้งลดการปรับปรุงและขยายพื้นที่ค้าปลีกของศูนย์การค้าที่มีอยู่จาก 100 สาขาในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากการลงทุนในหลายโครงการไม่คุ้มค่า

2.สถาบันอาจจะลดพอร์ต เพื่อเตรียมเงินไปซื้อไอพีโอ บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ BRC

นายอาทิตย์ จันทร์สว่าง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี ระบุในการรายการทันหุ้น ทันเกมว่า จากการที่ BRC เตรียมระดมทุนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเปนหุ้นขนาดใหญ่ที่สถาบันต้องมี ดังนั้นจึงมีการปรับพอร์ตขาย CPALL ออกมาด้วย 

3. ข่าวลือ วีไอ ขายหุ้นออกมา  

เรื่องนี้เป็นข่าวลือที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ ว่ามีวีไอรายใหญ่ขาย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังเป็น ปริศนา และเป็นข่าวลือ อยู่ ยังไม่สามารถเชื่อถือได้ 

สำหรับ CPALL  จากการตรวจสอบจาก IAA Consensus นักวิเคราะห์ให้ราคาเฉลี่ยที่ 73.36 บาท โดยราคาสูงสุดมีบทวิเคราะห์ให้ไว้ที่ 78 บาท และต่ำสุดที่ 65.50 บาท

โดย บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดกำไรปกติ 2Q66 ของ CPALL จะอยู่ที่ 4.07 พันล้านบาท (+7.9% QoQ และ +32.9% YoY) ได้แรงหนุนจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่เติบโตแข็งแกร่งช่วยชดเชยผลประกอบการ CPAXT ที่ชะลอตัว  

ปรับลดกำไรปกติปี 2566 ลง 6.1% เป็น 1.7 หมื่นล้านบาท (+25.0% YoY) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานของ CPAXT ที่ฟื้นตัวช้ากว่า ส่วนปี 2567 ปรับเพิ่มกำไรปกติขึ้น 5.6% เป็น 2.0 หมื่นล้านบาท (+21.9%YoY)

คงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรปกติ 2H66 คาดโตเด่น YoY และ HoH โดยได้แรงหนุนจาก 1) ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเติบโตแข็งแกร่ง 2) ต้นทุนค่าไฟค่าไฟลดลง เห็นผลเต็มไตรมาสตั้งแต่ 3Q66 3) ดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลัง CPAXT รีไฟแนนซ์เงินกู้เสร็จตั้งแต่ 2Q66  แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสมใหม่ 73.00 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ CPALL มีกำหนดแจ้งงบวันที่ 10 สิงหาคมนี้