จุดจบที่ไม่สวยงามในเอเชีย ของแบรนด์ ESPRIT ESPRIT อ่านเป็น “เอสปรี” แบรนด์แฟชั่นขึ้นชื่อ ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1960 โดยคู่สามีภรรยา Susie Russell และ Doug Tompkins ทั้งคู่ทำธุรกิจด้านเสื้อผ้าเป็นทุนเดิมมาตั้งแต่ปี 1940 ช่วงแรก ทั้งคู่เริ่มต้นมาด้วยการใช้ อพาร์ตเมนต์ในซานฟรานซิสโก เป็นออฟฟิศ ก่อนที่ธุรกิจ จะเติบโต จนกระทั่งต้นยุค 1970 ธุรกิจเสื้อผ้าของทั้งคู่ ได้รับการจัดตั้ง บริษัท Esprit de Corp. เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และได้แบ่งสินค้า ออกขายเป็น 7 ประเภท ช่วงปลายยุค 1970 ESPRIT ได้ขยับขยายธุรกิจ ออกไปยังต่างประเทศ โดยใช้เยอรมันเป็นฐานผลิตและจำหน่ายในยุโรป ในขณะที่ฮ่องกงก็ได้ถูกใช้เป็นฐานผลิตและจำหน่ายในเอเชีย ยุคมั่งคั่งที่สุดสำหรับแบรนด์ ESPRIT คือช่วงเริ่มต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2000 แบรนด์ ESPRIT กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ยอดฮิตของมวลมหาประชาชนทั้งยุโรปและเอเชีย ปัจจุบัน ESPRIT มีสำนักงานงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งที่มาของการตั้งฐานทัพที่นี่ได้ ก็เนื่องมาจาก “Michael Ying” หนึ่งในมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงอันเป็นบุคคลสำคัญที่ร่วมก่อร่างสร้างธุรกิจกับครอบครัวทอมพ์กินส์ มาตั้งแต่ยุค 1970 ความน่าสนใจของนักลงทุนรายนี้ คือการนั่งในตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของแบรนด์ช่วงระหว่างปี 1993-2006 ซึ่งเขาเป็นผู้นำพาให้ ESPRITกลายเป็นที่รู้จักในระดับโลก อิงจากผลประกอบการ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปี 1993 มีรายได้ 769.7 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ต่อมาในปี 2006 ESPRIT มีรายได้มากกว่า 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง ผิดกับช่วงที่ผ่านมา..ที่ ESPRIT มีคู่แข่งมากมายอยู่แล้ว ทั้ง H&M Uniqlo และ ZARA แต่แบรนด์ ESPRIT ที่เคยมั่งคั่ง ทำผลประกอบการมหาศาลในอดีต ตอนนี้กลับเป็น ESPRIT เอง ที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก..มากกว่าใคร ๆ ล่าสุด ESPRIT ได้ประกาศ ปิดสาขาทั้งหมดในทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า และมาเลเซีย รวมทั้งสิ้น 56 สาขา คำถามก็คือ..สาเหตุใด ? ที่ทำให้ ESPRIT จบไม่สวยในทวีปนี้ ประการแรกมาจากแบรนด์แฟชั่น ทั้งยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดอยู่แล้ว รวมไปถึงแบรนด์เกิดใหม่ในโลกออนไลน์ รุกเข้าใส่กันด้วยเทรนด์ Fast Fashion ส่งผลให้ตลาดแฟชั่นเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว เส้นด้ายที่ใกล้จะขาดอยู่แล้วสำหรับ ESPRIT ซ้ำร้ายที่วิกฤติโคโรนาไวรัสซัดเข้ามา จนในที่สุด.. ESPRIT ต้องถอนตัวออกจากเอเชีย สำหรับรายได้รวมของ ESPRIT จากทั้ง 56 สาขา ที่กำลังจะเลือนหายไป มีมูลค่ารวมประมาณ 267 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 1120.4 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 4 จากผลประกอบการทั้งหมดของแบรนด์ นอกจากนั้นแล้ว พิษของโคโรนาไวรัส ยังส่งผลต่อทรัพยากรบุคคลของแบรนด์ โดยตำแหน่งเจ้าที่บริหารปรับลดเงินเดือนลง 35% ผู้บริหารระดับสูงปรับลดเงินเดือนลง 25% คณะกรรมการบอร์ดที่ไม่มีตำแหน่งบริหารปรับลดเงินเดือนลง 20% กรณีศึกษาจาก ESPRIT ในครั้งนี้.. แม้แบรนด์จะถูกตัดขาดจากตลาดหนึ่งไป แต่ยังเหลือตลาดหลัก ที่ยังคง ทำการค้าได้ในช่วงที่สถานการณ์ปกติและถ้าหากมองไปยังอนาคต แบรนด์ ESPRIT ที่จะรุกแค่ยุโรป ฉะนั้น ESPRIT จึงอาจจะกลาย เป็นสินค้า Hard Sale ในเอเชีย ซึ่งยังคงสามารถซื้อผ่านออนไลน์ได้ แต่อาจจะได้ในจำนวน ตำ่ลงกว่าที่เคยเป็น.. ในขณะที่ราคา อาจจะสูงกว่าที่เคยเป็น.. แม้วันนี้ ESPRIT จะทยอยปิดตัวในเอเชีย ไปอย่างไม่สวยงามนัก แต่ในอนาคต.. ESPRIT อาจจะผลิดอกออกผล กลับมาสวยงามในโลกตะวันตก..ก็อาจเป็นได้ Credit Picture 1: Link / 2: Link / 3: Link / Cover Picture: Link ............................................................. ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire Follow Us On “Facebook” Follow Us On “Line”