เสื้อจากเส้นใยรีไซเคิล อาจ “ทำร้ายโลก” มากกว่า “ช่วยโลก”

ในช่วงที่ผ่านมา “โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล” กลายเป็นวัสดุที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมแฟชั่น และถูกชูเป็นจุดขายให้กับผู้บริโภคสายรักษ์โลกและความยั่งยืน แต่งานวิจัยล่าสุดจากองค์กร Changing Markets Foundation โดยกลุ่มนักวิจัยจากประเทศตุรกี ระบุว่า แนวทางสีเขียวนี้อาจอาจไม่ได้เป็นมิตรต่อโลกจริงตามที่เข้าใจ

ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า เส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลกว่า 98% มาจากขวดพลาสติก แม้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนจุดหมายปลายทางของขยะพลาสติกไม่ต้องลงเอยในหลุมฝังกลบหรือหลุดรอดลงไปในมหาสมุทร แต่กลับพบว่าการเสื้อผ้าที่มีเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลเป็นส่วนประกอบนั้นปล่อยอนุภาคไมโครพลาสติกมากกว่าโพลีเอสเตอร์ปกติระหว่างการซักมากถึง 55% และที่น่ากังคลคืออนุภาคพลาสติกเหล่านี้ยังมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมถึง 20% ซึ่งสามารถแพร่กระจายและปนเปื้อนลงสู่สิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และยังเพิ่มโอกาสในการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ อาหารทะเล สุดท้ายอนุภาคไมโครพลาสติกเหล่านี้ก็จะย้อนกลับสู่ร่างกายมนุษย์

การศึกษานี้ได้รวมรวมเสื้อผ้าจากแบรนด์แฟชั่นรายใหญ่ 5 แห่ง ตัวอย่างการทดลองครอบคลุมทั้งเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เดรส และกางเกง ทั้งที่ใช้วัสดุจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ผลิตใหม่และเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล ซึ่งทั้งหมดพบว่าเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลปล่อยอนุภาคไมโครพลาสติกมากกว่าโพลีเอสเตอร์ผลิตใหม่ คิดเป็น 4-7 เท่า

แนวทางการแก้ปัญหาขยะพลาสติกด้วยการรีไซเคิลเป็นวัสดุเส้นใยและผลิตเป็นเสื้อผ้าอาจไม่ใช่ทางเลือกของการลดมลพิษ และในทางกลับกันกลับเป็นการสร้างมลพิษที่มากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าวัสดุสังเคราะห์ยังคงมีความจำเป็นต่อการใช้งานในเสื้อผ้าบางประเภท แต่การพึ่งพาวัสดุเหล่านี้ไม่ใช่คำตอบของความยั่งยืนในระยะยาว ความยั่งยืนในมุมมองผู้บริโภคอาจอยู่ที่การเลือกซื้อให้น้อยลง ใช้งานเสื้อผ้าใช้นานขึ้น และซ่อมแซมแทนการซื้อใหม่ อาจเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่สามารถช่วยลดผลกระทบต่อโลกได้มากกว่า