อนุทินยืนยันคนไทยได้ใช้ วัคซีนโควิด-19 อันดับต้นๆของโลก

วันนี้ ( 19 ต.ค. 63 ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวความคืบหน้า การจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประเทศไทย

รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า  กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามเร่งทุกขั้นตอน เพื่อเร่งรัดขั้นตอนต่างๆที่ติดขัดให้เร็วขึ้น เพื่อเดินหน้าผลิตวัคซีนโควิด-19 รวมถึงการจอง จัดซื้อจัดหา วัคซีนโควิด-19 ที่จะทำให้เป็นประเทศไทย เข้าถึงวัคซีน เป็นประเทศต้นๆของโลกให้ได้   

ทั้งนี้ยังมีการคิดคำนวณปริมาณการฉีดของวัคซีนโควิด-19 ให้คนไทย เพื่อความปลอดภัยสูงสุด และงบประมาณในการจัดสรร ผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติให้เข้าไปสนับสนุน บริษัทอื่นๆ ในประเทศไทยที่มีการพัฒนาวัคซีนในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

พร้อมกับยืนยันว่าประเทศไทย ไม่ได้มีความล่าช้า ไม่ได้เพิกเฉยในการผลิตวัคซีน ขอให้ประชาชนมั่นใจได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุอีกว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง ผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 ร่วมกับ มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด

โดยวัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งการผลิตวัคซีนนั้น มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเริ่มทดลองกับมนุษย์แล้ว

ซึ่งทางบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ อยู่ระหว่างเตรียมโรงงานผลิตวัคซีน เพื่อรองรับฐานการผลิต ที่ต้องเน้นเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตวัคซีน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด และ แอสตราเซนเนก้าจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ในฐานการผลิต 

ด้านนพ. นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ระบุถึง การทดสอบในคน ของประเทศไทย  หากผ่านระยะ1 และระยะ2  วัคซีนต้นแบบ เห็นผล ว่ามีภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนหรือไม่ 

จากนั้นจะนำเทียบเคียง ผลกับต่างประเทศที่ทำการผลิตวัคซีน  หากเวลานั้น มีวัคซีนโควิด-19 ของต่างประเทศ ได้ผลในการป้องกันดี ก็จะนำไป เทียบเคียงภุมิคุ้มกันกับวัคซีนชนิดนั้น และดูว่าวัคซีนมีความเพียงพอหรือไม่  

แนวทางต่อไปคือการทำความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น จีนทำความร่วมมือกับบราซิลส่วนของไทย ตอนนี้ อยู่ระหว่างมีการเจรจากับเพื่อนบ้านประเทศโดยมีความเป็นไปได้ การทดลองในมนุษย์ระยะ3 ในไทย อาจจะไม่มีหากระยะ1และระยะ2ได้ผลดี และมีวัคซีนเพียงพอ

สำหรับการพัฒนาวัคซีนโควิด-19ในประเทศไทยมี 7 เทคโนโลยี ( mRNAวัคซีน , DNA วัคซีน ,Viral-like particle หรือ VLP วัคซีน, โปรตีนซับยูนิต วัต ,Viral vector/Inactivated /Live attenuated)โดย มี 3 เทคโนโลยี ที่ก้าวหน้ามากที่สุดและเตรียมทดลองในมนุษย์ระยะ1 คือ mRNA ,DNA,โปรตีนซับยูนิต

โดยกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และอย.จะมีการติดตามผงหลังการใช้วัคซีนโควิด-19 หากมีการแพ้ หรือมีผลข้างเคียง ได้มีการเตรียมพร้อมรองรับการรักษาไว้แล้ว.