เกาหลีใต้ยกระดับเว้นระยะห่างคุมโควิด-19 หลังยอดป่วยพุ่งไม่หยุด
โซล, 24 พ.ย. (ซินหัว) -- เกาหลีใต้เตรียมยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในเขตมหานครโซลสู่ระดับ 2 เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันอังคาร (24 พ.ย.) จนถึงวันที่ 7 ธ.ค. ท่ามกลางจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง
หน่วยงานสาธารณสุขเผยว่ามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม 5 ระดับของประเทศ จะถูกยกขึ้นสู่ระดับ 2 ในพื้นที่กรุงโซลและจังหวัดคยองกีที่อยู่ใกล้เคียงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานฯ ได้ยกระดับมาตรการกักกันตัวในเขตมหานครจากระดับต่ำสุดหรือระดับ 1 สู่ระดับ 1.5 เมื่อวันที่ 19 พ.ย. แต่การติดเชื้อไม่แสดงสัญญาณลดลงจนนำไปสู่การยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมดังกล่าวข้อมูลล่าสุดระบุว่าเกาหลีใต้ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 349 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ส่งผลให้ขณะนี้ยอดผู้ป่วยในประเทศรวมอยู่ที่ 31,353 ราย โดยตัวเลขผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้นในระดับเลขสามหลักติดต่อกัน 17 วันแล้ว โดยจำนวนผู้ป่วยเฉลี่ยรายวันระหว่างวันที่ 8-14 พ.ย. อยู่ที่ 83 ราย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 175.1 ราย ระหว่างวันที่ 15-21 พ.ย. ที่ผ่านมาทั้งนี้ ด้วยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 2 เกาหลีใต้จะใช้ข้อจำกัดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับการดำเนินงานของสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจำกัดการรวมตัวกันของประชาชน โดยสถานบันเทิง 5 ประเภท ซึ่งรวมถึงไนต์คลับ จำเป็นต้องระงับให้บริการชั่วคราว
ขณะที่คาราโอเกะต้องปิดให้บริการหลัง 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นขณะเดียวกันร้านกาแฟและคาเฟ่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารภายในร้าน โดยอนุญาตให้จัดส่งและซื้อกลับบ้านเท่านั้น ส่วนร้านอาหารอื่นๆ จะได้รับอนุญาตให้เปิดให้บริการจนถึง 21.00 น. และหลังจากนั้นต้องเปลี่ยนไปให้บริการแบบจัดส่งและซื้อกลับบ้านเท่านั้นสถานที่อื่นๆ อาทิ หอแสดงคอนเสิร์ต โรงภาพยนตร์ สถานที่เล่นกีฬาในร่ม โรงเรียนกวดวิชาเอกชน อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ห้องอ่านหนังสือ ห้องอาบน้ำสาธารณะ ห้องจัดงานแต่งงาน สถานที่จัดงานศพ ร้านทำผม สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า และสถานที่จำหน่ายสินค้าลดราคา จำเป็นต้องจำกัดจำนวนผู้มาใช้บริการและเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งอย่างน้อย 2 เมตร
นอกจากนี้ยังสั่งห้ามประชาชนรวมตัวกันมากกว่า 100 คน และจำกัดจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันกีฬาไว้ที่ร้อยละ 10 ส่วนการดำเนินกิจกรรมทางศาสนาในศาสนสถานสามารถรองรับประชาชนได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของที่นั่งทั้งหมดด้านโรงเรียนระดับอนุบาล ประถม และมัธยมต้น จำเป็นต้องจำกัดจำนวนนักเรียนในชั้นเรียนอยู่ที่ 1 ใน 3 ของนักเรียนทั้งหมด ขณะที่มัธยมปลายให้จำกัดอยู่ที่ 2 ใน 3 ของนักเรียนทั้งหมด