รีเซต

CPALLยอดเข้าเซเว่นฟื้น ชูO2Oดัน-เปิดสาขาเพิ่ม

CPALLยอดเข้าเซเว่นฟื้น ชูO2Oดัน-เปิดสาขาเพิ่ม
ทันหุ้น
4 มีนาคม 2565 ( 07:21 )
26

#CPALL #ทันหุ้น - CPALL ส่งซิกไตรมาส 1/2565 ยอดขายฟื้น รับมาตรการรัฐคลายล็อกเมือง กระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และกำลังซื้อผ่านโครงการช้อปดีมีคืน ชูกลยุทธ์ O2O ลูกค้าตอบรับเพียบ หวังธุรกิจโตทุกไตรมาสหนุนผลงานทั้งปี 2565 เหนือกว่าปี 2564 ลุยสาขาใหม่ 700 สาขาปีนี้ จัดงบลงทุน 11,000-12,000 ล้านบาท

 

นางจิราพรรณ  ทองตัน  ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สำนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือCPALL กล่าวว่าตั้งแต่ต้นปี 2565 หลังภาครัฐคลายล็อกเมือง มีการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นกำลังซื้อผ่านโครงการช้อปดีมีคืน อีกทั้งมีเทศกาลช่วงวันหยุดยาว ประชาชนออกมาเดินทาง ท่องเที่ยว สามารถที่จะใช้จ่ายใกล้เคียงกับช่วงปกติที่ยังไม่เกิดโควิด และทางร้าน 7- Elevenกลับมาดำเนินการได้ตามช่วงเวลาเดิม ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

หากสถานการณ์โควิดไม่รุนแรงหรือกลับมาระบาดอีกระลอก ก็เชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้าน 7- Eleven ต่อสาขาฟื้นตัวเพิ่มขึ้นจาก 800 คนต่อวัน และยอดขายเฉลี่ย 60,600 บาทต่อวัน ผลักดันยอดขายดีขึ้นในทุกๆ ไตรมาสและสนับสนุนให้ผลประกอบการทั้งปี 2565 เติบโตจากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 587,597 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 12,985 ล้านบาท

 

โดยปัจจัยที่จะสนับสนุนบริษัทยังคงมุ่งเน้นการเป็นร้านอิ่มสะดวกเต็มรูปแบบ พัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และเพิ่มเมนูสินค้าใหม่ๆ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่า ซึ่งในปี 2564 สัดส่วนของรายได้จากการขาย 73.7% มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และ 26.3%มาจากสินค้าอุปโภค,การออกสินค้าใหม่ควบคู่กับโปรโมชั่นของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ให้สามารถดึงดูดลูกค้าได้เพิ่มขึ้น

 

*ชู O2O-ขยายสาขา

 

รวมถึงการขยายช่องทางการขายสินค้าและบริการใหม่ๆ ด้วยกลยุทธ์ O2O ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ นอกเหนือจากการซื้อผ่านร้านสาขา,ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine),7-delivery ที่เป็นการให้บริการสั่งและส่งสินค้าตามความต้องการ (On-Demand Delivery) และALL Online ห้างใกล้บ้าน รวมถึงเว็บไซต์ ShopAt24 ที่เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ก็ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

 

นอกจากนี้จะขยายสาขาในทำเลที่ดี เพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกชุมชน ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยปี 2565 ตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาจำนวน 700 สาขา จากปี 2564 ธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อได้มีการขยายสาขา 7- Eleven ทั้งร้าน Store Business Partner (SBP) และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต รวมทั้งสิ้น 702 สาขา ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 13,134 สาขา โดยงบลงทุนปี 2565 ประมาณ 11.000-12,000 ล้านบาท

 

ส่วนการขยายสาขาในประเทศกัมพูชา หลังจากได้เข้าไปเปิดสาขาแล้ว 5-6 สาขาในพื้นที่พนมเปญ คาดว่าจะขยายเพิ่มเป็น 10 สาขา และกำลังศึกษาพื้นที่อื่นนอกเหนือพนมเปญ ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าลูกค้าตอบรับเป็นอย่างดี

 

*เคาะเป้าหมาย 75 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผู้บริหาร CPALL คาดว่าปี 2565 จะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจได้ สะท้อนจากยอดขายสาขาเดิม (SSG) ช่วงต้นปีที่ผ่านมาฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้ง YoY และ MoM ขณะที่ความเสี่ยงการระบาดโควิด-19 โอไมครอนในประเทศไทยยังเชื่อว่าจะส่งผลกระทบจำกัด เพราะเริ่มเห็นจุดพีคของการระบาดระลอกล่าสุด และอิงตามภาพต่างประเทศจะลดลงได้ใน 1 เดือน โดยกลยุทธ์หลักในการขยายตัวปีนี้ เน้นไปที่การปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งการปรับสินค้าในร้านให้ตรงความต้องการแต่ละช่วงเวลา เช่นปัจจุบันที่มีความต้องการชุดตรวจโควิดที่สูง

 

การเน้นกลุ่มสินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับการประกอบอาหารที่บ้าน เช่น ข้าว น้ำมัน น้ำตาล รวมถึงสินค้าสุขภาพ ตามสังคมไทยที่กำลังเข้าวัยสูงอายุ และการสร้างความสะดวกให้กับลูกค้าทุกรูปแบบ โดยเฉพาะบริการ Deliverry ที่คาดปริมาณธุรกรรมจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2564 ที่มีราว 4.5 แสนธุรกรรม นอกจากนี้จะเป็นการขยายสาขาหน้าร้านอีกราว 700 แห่ง นอกจากนี้่ CPALL คาดว่าจะได้ประโยชน์บางส่วน หากอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มสินค้าอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดว่ากำไรปกติของ CPALL ปี 2565 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 96% และเพิ่มขึ้นอีก 28% ในปี 2566 ประเมินราคาพื้นฐานอยู่ที่ 75 บาท

 

*ส่อง Q1/65 กำไรโต

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด คาดผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ของ CPALL เติบโต YoY จาก SSSG ในเดือนมกราคม 2565 เติบโต MoM และ YoY จากการฟื้นตัวของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะสาขาในพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งสอดคล้องกับ GDP

 

นอกจากนี้จะรับรู้ผลประกอบการของโลตัสเข้ามาเต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก (ผ่านงบการเงิน MAKRO)

 

การฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง (แม็คโครและโลตัส) ทั้งยอดขายและรายได้ค่าเช่า หลังสามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ที่ไม่รุนแรงมากเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ Delta ในปี 2564 เป็นปัจจัยช่วยหนุนผลประกอบการ รวมถึงได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐโครงการช้อปดีมีคืน (1 ม.ค. - 15 ก.พ. 65)

ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 เติบโต 31%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจร้านสะดวกซื้อและธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง จากมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศ ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.60 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD 28 เมษายน 2565 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 20 พฤษภาคม  2565 แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 70.00 บาท อิง PER ที่ 37 เท่า

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง