เบียร์ IPA หมัดฮุก CBG รุกกินแชร์ชูกำลังเพิ่ม
#CBG #ทันหุ้น – “แม่ทัพเสถียร กลุ่มคาราบาว” รุกตลาดเบียร์อีก ส่ง “ตะวันแดง IPA” ครีเอทีฟเบียร์คุณภาพในราคาเข้าถึงขยายฐานลูกค้าในวงกว้าง มั่นใจเป็นหมัดเด็ดชิงส่วนแบ่งตลาด คาดสงกรานต์ยอดขายเบียร์เพิ่ม 2 เท่า วอนรัฐเปิดทางโฆษณา หนุนการแข่งขัน พร้อมลุยตลาดส่งออกรองรับ ด้าน CBG คงราคาชูกำลัง 10 บาท ขยับมาร์เก็ตแชร์สู่ 27-28%รายได้ปีนี้โตเกิน 10%
นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กลุ่มคาราบาว” เปิดเผยว่า บริษัทได้สร้างปรากฏการณ์ในตลาดเบียร์ในประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการประกาศเปิดตัว “ตะวันแดง IPA” (เบียร์ตะวันแดงไอพีเอ) เบียร์ตัวที่ 5 ที่เป็น Creative Beer เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับคนไทยให้สามารถเข้าถึงเบียร์มาตรฐานระดับโลก เน้นการดื่มง่ายด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ 5.5% พร้อมให้ทุกคนสามารถเข้าถึงง่ายด้วยราคาที่จับต้องได้ กระป๋องเล็ก 45 บาท และกระป๋องใหญ่ 60 บาท
หลังจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวเบียร์ 2 แบรนด์ คือ คาราบาว และตะวันแดง โดยเลือกเปิดตัวสินค้าพร้อมกัน 4 รสชาติอย่างที่ไม่มีที่ไหนทำมาก่อน ประกอบด้วยแบรนด์ คาราบาว เปิดตัว 2 รสชาติ ได้แก่ Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์) และ Dunkel Beer (เบียร์ดุงเกล) ขณะที่แบรนด์ตะวันแดง เปิดตัว 2 รสชาติ ประกอบด้วย Weizen Beer (เบียร์ไวเซ่น) Rose Beer (เบียร์โรเซ่)
@ขยายช่องจัดจำหน่าย
โดยเบียร์ตะวันแดง IPA จะปูพรมจำหน่ายในร้านค้าในเครือข่ายของกลุ่ม คาราบาว ได้แก่ CJ MORE ที่มีมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ, ร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่มีร้านค้าอยู่ทั่วประเทศ และหน่วยรถในศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 30 แห่ง ที่สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางของโมเดิร์นเทรด อาทิ Lotus’s, GO Wholesale, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, ท็อปส์, Lawson108, Foodland และ วิลล่า มาร์เก็ต รวมถึงผ่านช่องทาง On-Premise ร้านอาหาร ผับบาร์ต่างๆ ภายในเดือนมีนาคม 2567
ตลอดจนเทรดดิชันนอลเทรด ที่จะกระจายสินค้าตรงสู่ “ตัวแทนจำหน่ายประจำพื้นที่ระดับอำเภอ” ทุกอำเภอทั่วประเทศ เพื่อทำให้สินค้าสามารถเจาะเข้าถึงร้านค้าย่อยหรือโชห่วยทั่วประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพ และรสชาติที่ดี
@ปีนี้เป้าส่วนแบ่งตลาด 10%
สำหรับปีที่ผ่านมาตลาดเบียร์มีมูลค่า 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุด ส่วนการเติบโตปีนี้ก็ต้องติดตามสถานการณ์ แต่มองว่าตลาดน่าจะเคลื่อนไหวไม่เยอะหากจะมีการเติบโต หรือลดลงก็คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2-5% ซึ่งไม่ได้กระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้กลุ่มคาราบาวได้ทุ่มงบลงทุนถึง 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท ด้วยเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานโลกจากเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 400 ล้านลิตร ช่วงแรกนำร่องการผลิตที่ 200 ล้านลิตร ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุด นับจากการลงทุนโรงสุราตะวันแดง 1999 รวมถึงทุ่มงบการตลาดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 20 ปี
โดยบริษัทได้ลงเล่นในเซ็กเมนต์อีโคโนมี และสแตนดาร์ด ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดเบียร์ถึง 95% เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมในทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด 30% และขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์ ส่วนปีนี้ประเมินว่าจะเห็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10%
“เบียร์ต้องใช้ระยะเวลาในการทำการตลาด อย่างในส่วนของเครื่องดื่มชูกำลัง ก็ใช้ระยะเวลากว่า 12 ปี ถึงจะประสบความสำเร็จ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ร้านสะดวกซื้อ CJ ใช้ระยะเวลา 5 ปี กำไร 2 พันล้านบาท ปี 2566 ทำกำไรกว่า 2,600 ล้านบาท ยอดขาย 4 หมื่นกว่าล้านบาท และยังเดินหน้าที่จะผลักดันการเติบโต และนำเข้าจะจดทะเบียนในตลาดประมาณปี 2569”
@สงกรานต์ยอดขายเบียร์ 2 เท่า
นายเสถียร คาดว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเห็นยอดขายเบียร์เติบโตเป็น 2 เท่า และอยากจะเห็นภาครัฐผ่อนปรน การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากการปิดกั้นนับว่าไม่ยุติธรรมและไม่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ เพราะปิดโอกาสในการแข่งขัน ดังนั้นภาครัฐจึงต้องเอื้อให้เกิดการแข่งขันด้วย
“ตอนนี้ ตัวแทนจำหน่ายเป็นพันราย เพื่อช่วยในการกระจายสินค้า โดยการเปิดตัว การขายเบียร์ มาระยะเวลา 4-5 เดือนมา Leaning ปัจจุบันก็ขายดีทุกตัวไม่แตกต่างกันมาก ตอนนี้ IPA เปิดตัวไป ก็ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดจำหน่ายสูง ตอนนี้ตลาด IPA ยังแข่งขันน้อยไม่แพร่หลาย จึงต้องค่อยๆ ให้ความรู้คนไป คนก็จะค่อยๆ สัมผัส การดื่มเบียร์ที่มีคุณภาพมากขึ้น และได้มีการส่งออกไปยังกัมพูชา เมียนมา และอิสราเอลด้วย ”นายเสถียรกล่าว
@คงราคาขายเครื่องดื่มชูกำลัง
ในส่วนของ CBG บริษัทยืนยันที่จะคงราคาขายเครื่องดื่มชูกำลังปีนี้ ในราคา 10 บาท เผื่อผลักดันส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายจะสามารถขึ้นเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง หรือมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 27-28% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 25-26% จากมูลค่าตลาดรวม 33,000-34,000 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่าปีนี้รายได้รวมของ CBG จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%