โควิด-19 แผลงฤทธิ์ ทำครอบครัวอเมริกันเผชิญ 'ปัญหาการเงินร้ายแรง'

วอชิงตัน, 11 ก.ย. (ซินหัว) -- สหรัฐฯ สำรวจพบครัวเรือนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งใน 4 เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ประสบปัญหาตกงานหรือถูกปรับลดเงินเดือน นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งส่งผลให้พวกเขาเผชิญความขัดสนทางการเงินอย่างมาก

การสำรวจโดยสถานีวิทยุสาธารณะแห่งชาติ (NPR) มูลนิธิโรเบิร์ต วูด จอห์นสัน (RWJF) และวิทยาลัยสาธารณสุข ฮาร์วาร์ด ที. เอช. ชาน ซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 1 ก.ค.- 3 ส.ค. และถูกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (9 ก.ย.) ระบุว่าปัญหาทางการเงินส่วนใหญ่ถูกพบมากในครัวเรือนของชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะคนผิวดำและละติน ในนิวยอร์กซิตี ลอสแอนเจลิส ชิคาโก และฮิวสตันฮิวสตันเป็นเมืองที่ผู้คนประสบปัญหาทางการเงินหนักหน่วงมากที่สุด เนื่องจากครัวเรือนละตินร้อยละ 77 และครัวเรือนคนผิวดำร้อยละ 81 ได้เผชิญปัญหาการเงินขั้นร้ายแรง นับตั้งแต่ช่วงต้นของการระบาดใหญ่ ขณะที่ครอบครัวละตินร้อยละ 63-73 และครอบครัวคนผิวดำร้อยละ 52-69 ในอีกสามเมืองข้างต้นล้วนพบเจอปัญหาเดียวกันโรเบิร์ต เจ. เบลนดอน ผู้อำนวยการร่วมของการสำรวจ และผู้อำนวยการบริหารประจำโครงการวิจัยความคิดเห็นฮาร์วาร์ดของวิทยาลัยฯ กล่าวว่า "ก่อนที่โครงการให้ความช่วยเหลือด้านโรคโควิด-19 ของรัฐบาลกลางจะสิ้นสุดลง เราพบผู้คนหลายล้านคนประสบปัญหาการเงินขั้นร้ายแรง" พร้อมเสริมว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ลง เนื่องจากไม่มีแผนสำรองอื่นใดแล้วที่จะสามารถช่วยเหลือครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.13 ล้านบาท) ต่อปีนอกจากนั้นการสำรวจยังพบปัญหาร้ายแรงด้านการดูแลเด็กและการดูแลสุขภาพอีกด้วย โดยครัวเรือนที่มีเยาวชนเกือบร้อยละ 60 ในลอสแอนเจลิส เผชิญปัญหาการเลี้ยงดูเด็กระหว่างการระบาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงความยากลำบากในการจัดหาสถานที่ที่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมเพียงพอสำหรับกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายหรือการศึกษาของเด็กการสำรวจเสริมว่าครัวเรือนร้อยละ 19-27 ในสี่เมืองข้างต้นไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลหรือจำเป็นต้องชะลอการรักษาที่มีความจำเป็นออกไป ขณะครัวเรือนมากกว่าครึ่งหนึ่งมองว่าปัญหาข้างต้นนำไปสู่ผลกระทบด้านสุขภาพขั้นรุนแรง เนื่องจากสหรัฐฯ ได้ทุ่มเททรัพยากรทางการแพทย์ไปกับการรักษาโรคโควิด-19

(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้ใหญ่คนหนึ่งดูแลเด็กน้อยที่กำลังปั่นจักรยาน ใกล้สะพานบรูกลินในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 27 เม.ย. 2020)