กลุ่มขอคืนป่าแหว่ง ทวงความคืบหน้า เกือบ 4 ปียังเงียบ แฉได้งบปลูกป่าไปแล้ว 9 ล้าน
เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าแหว่ง ทวงความคืบหน้า เกือบ 4 ปียังเงียบ แฉได้งบปลูกป่าไปแล้ว 9 ล้านบาท ขู่เคลื่อนไหวใหญ่ พร้อมยื่นฟ้องตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2565 ที่โรงเรียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นำโดยนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่าย พร้อมด้วยนายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ, นายบัณรส บัวคลี่, นางปลายอ้อ ทองสวัสดิ์ และสมาชิกเครือข่าย
ร่วมกันแถลงแสดงจุดยืนและทวงถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ประกอบด้วยบ้านพัก 45 หลังและอาคารชุด 9 หลัง บนพื้นที่ราชพัสดุ 147 ไร่ เชิงดอยสุเทพ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะการส่งมอบคืนพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์ และการฟื้นฟูสภาพป่า
เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ระบุว่า เนื่องจากผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้ว นับตั้งแต่ปี 2561 ที่ทางราชการมีข้อตกลงร่วมกับเครือข่ายฯ และประชาชน ที่จะดำเนินการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างและส่งมอบคืนพื้นที่เพื่อฟื้นฟูสภาพป่า แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น
ขณะที่การย้ายศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมบ้านพักที่ย้ายไป จ.เชียงราย โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2562 และกำหนดเสร็จ ก.ย.65 นั้น ถึงปัจจุบันเพิ่งคืบหน้าไปเพียง 10-20% เท่านั้น จึงทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีผู้ที่มีเจตนาจะทำให้ปัญหายืดเยื้อและต้องการใช้ประโยชน์บ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 รวมทั้งพื้นที่ราชพัสดุ ใน ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ต่อไปหรือไม่
นายธีระศักดิ์ กล่าวว่า ผ่านมานานเกือบ 4 ปีแล้วที่การแก้ไขปัญหาโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือ “บ้านป่าแหว่ง” ไม่มีความคืบหน้า ทั้งๆ ที่ทางราชการมีการทำข้อตกลงร่วมกันตั้งแต่ ส.ค.61 ว่า ต้องทำการรื้อถอนบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ออกไปเพื่อทำการฟื้นฟูสภาพป่าให้สมบูรณ์ดังเดิม
นายธีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเดือน ก.ย.63 ประธานศาลฎีกา ให้สัมภาษณ์ว่าส่งมอบคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์แล้ว ขณะที่ช่วงปลายปี 63 ทางธนารักษ์ กลับระบุว่าไม่สามารถรับมอบอาคารและพื้นที่ได้ โดยอ้างไม่มีกฎหมายรับรองที่จะรับมอบครุภัณฑ์ในบ้านพัก เช่น แอร์ฯ ทีวี เฟอร์นิเจอร์ และธนารักษ์ไม่อยากเข้าไปรับผิดชอบตัวอาคารและทรัพย์สิน
นายธีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ต่อมากลางปี 64 ทางศาลส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง และได้รับแจ้งว่าให้มอบอาคารพร้อมครุภัณฑ์ในบ้านพักได้ แต่ต้นปี 65 ทางธนารักษ์ ยังไม่รับมอบและส่งให้ฝ่ายกฎหมายหาทางออก
"ปัจจุบันพบว่าบ้านพักทั้ง 45 หลังและอาคารชุด 9 หลัง ยังไม่มีการรื้อถอน รวมทั้งพบว่าตลอดช่วงที่ผ่านมายังมีการส่งคนงานเข้าไปตัดหญ้าในบริเวณบ้านพัก และน่าจะมีผู้เข้าพักอาศัยในอาคารชุดเป็นรายใหม่เพิ่มเติม นอกเหนือที่ตกลงร่วมกันให้อยู่อาศัยเฉพาะรายเดิมระหว่างรอย้ายไปเชียงราย"
นายธีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า อีกทั้งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายังพบว่าในช่วงกลางคืนมีการเปิดไฟในพื้นที่บ้านพัก 45 หลัง จึงตั้งข้อสงสัยว่าทางฝ่ายราชการหรือทางจังหวัดเชียงใหม่ มีความคิดที่จะเอาบ้านพักไปใช้ประโยชน์หรือไม่ อย่างไร จึงปล่อยให้การดำเนินการรื้อถอนส่งมอบคืนพื้นที่ไม่คืบหน้าและไม่ยอมทำตามมติที่เคยสรุปว่าให้รื้อย้ายออกไป โดยที่ฝ่ายราชการได้งบประมาณปลูกป่าในพื้นที่นี้แล้ว 9 ล้านบาท แต่ไม่มีการดำเนินการ
นายธีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า โครงการย้ายศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไปอยู่ที่ จ.เชียงราย ซึ่งได้งบประมาณ 737 ล้านบาท ที่เริ่มสร้างตั้งแต่ 24 ต.ค.62 และกำหนดเสร็จ 7 ก.ย. 65 ถึงทุกวันนี้ผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่การก่อสร้างแทบไม่มีความคืบหน้าและตามข่าวทราบว่าผู้รับเหมาทิ้งงานไปแล้ว จึงยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความพยายามที่ต้องการจะใช้ประโยชน์พื้นที่และบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไปหรือไม่
นายธีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ทางเครือข่ายฯ พร้อมประชาชนชาวเชียงใหม่ ประสงค์จะเข้าพื้นที่เพื่อปลูกป่าให้ทันก่อนฤดูฝนนี้ แต่ทางศาลยังปิดกั้นทางเข้าออก ไม่อนุญาตให้ใครเข้าพื้นที่และมี รปภ.หนาแน่น
ทั้งนี้ ในวันที่ 29 เม.ย.65 จะครบรอบ 4 ปี การชุมนุมใหญ่ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จึงต้องการเน้นย้ำจุดยืนขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ และเรียกร้องให้มีการดำเนินรื้อถอน “บ้านป่าแหว่ง” ออกไป พร้อมส่งมอบคืนพื้นที่ตามที่ตกลงไว้กับประชาชน เพื่อลบบาดแผลในใจของชาวเชียงใหม่ หากยังไม่มีความชัดเจนและดำเนินการใดๆ ทางเครือข่ายฯ เตรียมเคลื่อนไหวใหญ่ และฟ้องร้องตามกฎหมายด้วย