สวัสดีค่า วันนี้แม่พราวจะมารีวิวหนังสือเรื่อง 45 เทคนิคของคุณแม่ญี่ปุ่น เลี้ยงลูกคุณให้ดูแลตัวเองได้ ของคุณทะเทะอิชิ มิตซึโกะ ค่ะการเลี้ยงลูกให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้แบบญี่ปุ่นคงเป็นเป้าหมายการเลี้ยงลูกของแม่ ๆ หลายคนใช่มั้ยคะ เพราะเวลาเห็นเด็กญี่ปุ่นเค้าทำอะไร ๆ ได้ด้วยตัวเอง ก็อดชื่นชมไม่ได้ อาจจะเพราะการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันนั่นเองค่ะ และนั่นก็เป็นสาเหตุให้แม่พราวซื้อหนังสือเล่มนี้มาทดลองทำตามดูค่ะปก กระดาษ จำนวนหน้า และราคาสำหรับเล่มนี้ก็มีหน้าปกที่น่ารัก บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร จะเห็นว่ามีการ์ตูนอยู่ด้านหน้าด้วย เป็นการบอกว่าในเล่มจะมีการ์ตูนเป็นภาพประกอบในแต่ละบทด้วยค่ะ ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านได้เข้าใจอย่างรวดเร็ว แฝงอารมณ์ขันเล็ก ๆ ให้ไม่เครียดจนเกินไป ด้านในพิมพ์ 2 สีนะคะ ดำ-ชมพู อ่านง่ายสบายตา ตัวหนังสือไม่อัดแน่นค่ะเล่มนี้มี 227 หน้า ราคาหลังปก 230 บาท โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์นค่ะ ส่วนตัวคิดว่าคุณภาพสมราคา เพราะเนื้อหาดีคุณภาพคับแก้วค่ะ การแปลก็ดีอ่านแล้วเข้าใจง่ายค่ะเนื้อหา และสารบัญเล่มนี้แบ่งออกเป็น 5 บทค่ะ1. การพูดกับลูก2. การเรียนของลูก3. การสอนลูกเวลาอยู่บ้าน 14. การสอนลูกเวลาอยู่บ้าน 25. พฤติกรรมของแม่โดยแต่ละบทจะแบ่งเป็นเทคนิคย่อย ๆ ให้สามารถอ่านและปฏิบัติตามได้ง่าย โดยมีรูปการ์ตูนประกอบในแต่ละบท เพิ่มสีสันในการอ่านค่ะCredit: Pexelsความคิดเห็นหนังสือเล่มนี้จัดได้ว่าเป็นหนังสือเลี้ยงลูกยุคใหม่ที่ควรมีติดบ้านค่ะ แต่ละเทคนิคที่แนะนำมานั้น นอกจะสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในสังคมประเทศไทยแล้ว เวลามีผู้หลักผู้ใหญ่ที่แนวความคิดยังเป็นแบบเดิม ขัดกับแนวการเลี้ยงลูกของเรา สามารถนำไปให้ท่านอ่านเป็นตอน ๆ ได้ค่ะ เพื่อลดการปะทะเนื่องจากการไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนด้วย โดยในหนังสือผู้เขียนจะแทนตัวเองว่า "คุณแม่สายแข็ง" หมายถึงการเป็นคุณแม่ที่ยึดหลักการเลี้ยงลูกที่ตัวเองกำหนดขึ้น ซึ่งเหมาะกับสภาพสังคมและลูกของเรา ไม่ได้ปฏิบัติตามขนมธรรมเนียมประเพณีโบราณไปซะหมดทุกอย่างค่ะนอกจากนี้ในบทสุดท้ายยังพูดถึงวิธีการจัดการตัวเองของคุณแม่ ซึ่งหนังสือน้อยเล่มนักที่จะบอกกล่าวตรงนี้ บางทีการเป็นแม่ 24 ชั่วโมงมันก็มีความกดดันอยู่น่ะค่ะ ทีนี้เราจะรับมือกับมันอย่างไร ทำอย่างไรให้มีความสุขทั้งแม่ทั้งลูก ลองติดตามอ่านกันนะคะโดยส่วนตัวแล้ว แม่พราวชอบมากเลยล่ะค่ะ บางทีก็อธิบายได้ตรงจนเห็นภาพลอยมาเลยทีเดียว ลองมาเป็น #คุณแม่สายแข็ง ด้วยกันมั้ยคะCover photo: www.canva.comCredit: ภาพถ่ายอื่น ๆ ทั้งหมดในบทความนี้ถ่ายโดยผู้เขียนค่ะ