8 สาเหตุ! ทำไมรู้แต่ไม่ทำ ในสิ่งที่อยากทำ ที่สามารถแก้ไขได้เคยไหมคะคิดอะไรได้เต็มหัวไปหมดอันนี้ก็อยากทำอันโน่นก็อยากทำ แบบนี้ก็เข้าท่าน่าลอง แบบนั้นก็มีคนทำสำเร็จเยอะแล้วก็วางแผนว่าจะทำบ้าง แต่!!! ผ่านไป 1 อาทิตย์ก็ดูเหมือนปกติไม่ได้คิดว่าคือปัญหา ผ่านไป 1 เดือนก็ยังไม่ทำเลยคิดว่าสงสัยเราจะยุ่งมากจนไม่มีเวลา แต่หลังจากนั้นผ่านไป 3 เดือนก็ยังไม่ลงมือทำอยู่ดี 6 เดือนก็แล้ว จนนานขึ้นๆ เป็นแรมปี 3 ปี 5 ปี จนมารู้ตัวอีกทีก็ 10 ปีแล้วก็ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำอยู่ดี!! เคยสงสัยไหมคะว่าเพราะอะไรกันที่ทำให้คนๆ หนึ่งทำไมรู้แต่ไม่ทำในสิ่งที่อยากทำสักที!!!สมัยยังเป็นวัยรุ่นหลังเรียนจบใหม่ๆ ผู้เขียนเองก็มีอาการรู้แต่ไม่ทำในสิ่งที่อยากทำเหมือนกันค่ะ แต่ก็ใช้ชีวิตมาเรื่อยๆ จนในตอนหลังมาได้ศึกษาหาความรู้อ่านตำราเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองมากขึ้น จนค้นพบว่าการที่คนๆ หนึ่งรู้แต่ไม่ทำในสิ่งที่อยากทำ มีสาเหตุบางอย่างอยู่เบื้องหลังของสิ่งที่เกิดขึ้น อยากรู้ไหมคะว่ามีอะไรบ้าง? เดี๋ยวจะเล่าต่อยาวๆ ค่ะ แต่ขอบอกข่าวดีก่อนนะคะว่าสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เกิดสถานการณ์รู้แต่ไม่ทำในสิ่งที่อยากทำนั้นสามารถแก้ไขได้ โดยต้องทำความเข้าใจไปทีละอย่างๆ และเริ่มปรับแก้ไปทีละสาเหตุๆ ค่ะ ซึ่งการพัฒนาตัวเองจากการหยุดสถานการณ์รู้แต่ไม่ทำในสิ่งที่อยากทำนั้นสามารถทำให้ชีวิตเราดีขึ้นและเราก็เก่งขึ้นด้วย คล้ายกับว่าเรารักษาตัวเองจากที่มีอาการรู้แต่ไม่ทำในสิ่งที่อยากทำค่ะ โดยการที่รู้แต่ไม่ทำในสิ่งที่อยากทำมีสาเหตุหลักๆ จากสิ่งต่อไปนี้1. ความกลัว นี่คือสาเหตุอย่างแรกที่มักผุดขึ้นมาในหัว ความกลัวเกิดได้หลายอย่าง เช่น กลัวการตัดสินจากคนอื่น กลัวว่าจะไม่ดีพอ กลัวว่าจะไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ กลัวว่าคนอื่นเขาจะคิดกับเรายังไง กลัวผิดพลาด กลัวจะไม่ผ่าน กลัวจะถูกปฏิเสธ กลัวขาดทุน กลัวล้มเหลว ฯลฯ ความกลัวส่วนหนึ่งเกิดจากประสบการณ์ที่ไม่ดีในอดีต ความเชื่อบางอย่างที่เคยรับรู้มา สิ่งแวดล้อมรอบตัวยังมีผลทำให้เกิดความกลัวได้ด้วย เช่น ในสิ่งแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงมักทำให้เกิดความกลัวว่าจะล้มเหลว ความกลัวส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เรามีข้อมูลบางอย่างน้อยเกินไป เช่น จะลงทุนในเหรียญคริปโตก็กลัวขาดทุน ข่าวสารและสื่อต่างๆ มีผลทำให้ความกลัวเราใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารและสื่อลบๆ ทั้งหมด ซึ่งโดยส่วนใหญ่สิ่งเรากลัวในตอนแรกก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง!ความกลัวจะหายถ้าเราหันมาเพิ่มการรับรู้ของเราในบางเรื่อง พอเรารู้มากขึ้นมองเห็นภาพใหญ่มากขึ้น เข้าใจมากขึ้นก็จะทำให้เรามีความมั่นใจและตัดสินใจลงมือทำสิ่งนั้นตามมา ความกลัวที่เกิดจากประสบการณ์ที่ไม่ดีนั้นควรหันมาปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ และมองว่าประสบการณ์ต่างๆ คือการเรียนรู้ในชีวิตของคนๆ หนึ่ง เลิกเสพสื่อและข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่นำเสนอเกี่ยวกับข้อมูลด้านลบในแต่ละวัน และหันมาเสพข้อมูลที่ดีๆ ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น หันมาใช้เวลากับคนที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจเรา สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เราหันมาทำในสิ่งที่อยากได้ค่ะ2. มีความคิดลบ ปกตินั้นความคิดลบจะผุดขึ้นมาตลอดโดยเฉพาะในช่วงเราไปคิดถึงสถานการณ์ที่แย่ๆ ความคิดลบจะฉุดรั้งเราไว้ไม่ให้เราทำในสิ่งที่เราอยากทำ จะด้วยว่าเคยล้มเหลวมาก่อนหรือเคยเห็นบางคนทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม ความคิดลบจะทำให้เรากลัวมากขึ้นด้วย เราจึงไม่ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำสักที การจะเลิกคิดลบอาจไม่สามารถทำได้ 100% แต่การเลือกที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์หนึ่งด้วยความคิดบวกนั้น ตัวเรามีอำนาจในการเลือกที่จะตอบสนองอย่างนั้นได้ 100% การแทนที่ความคิดลบด้วยการคิดบวกจะทำให้เรามองเห็นด้านดีของสิ่งที่เราอยากทำและหันมาลงมือทำ ความคิดบวกจะเป็นตัวผลักดันให้เรามองเห็นถ้าเราลงมือทำในสิ่งที่เราอยากทำจะมีผลดีอะไรบ้าง ในบางครั้งอาจต้องมีเหตุผลในทางบวกว่าเราอยากทำสิ่งหนึ่งเพราะอะไรอยู่เบื้องหลังด้วยและสิ่งนี้จะทำให้ง่ายมากขึ้นที่จะลงมือทำ เช่น เราอยากออกกำลังกายเพราะเราต้องการมีสุขภาพดี พอเรามีเหตุผลรองรับว่าเราอยากมีสุขภาพดีเราก็จะหันมาออกกำลังกายตามมานั่นเอง3. รอความสมบูรณ์แบบ คนที่รอความสมบูรณ์แบบจะไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะเขาจะรอว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ก่อนตลอดจึงทำให้มีข้อมูลที่จะหาทางเลี่ยงให้ตัวเองไม่ลงมือทำได้ตลอด ความคิดที่ว่าต้องสมบูรณ์แบบส่วนหนึ่งเกิดจากการเสพข้อมูลข่าวสารของเรา ที่เราอาจไปเห็นว่าสิ่งที่เราอยากทำต้องมีอันนั้นอันนี้ก่อนถึงจะเริ่มลงมือทำได้ พอเรามีข้อมูลแบบนั้นในหัวมันสิ่งนั้นเลยมาตีกรอบแนวความคิดของเราว่า ต้องสมบูรณ์เท่านั้น ถ้าไม่สมบูรณ์แบบเดี๋ยวจะแพ้ เดี๋ยวจะไม่เท่าคนนั้นคนนี้หรืออื่นๆ แต่ในความเป็นจริงนั้นความสมบูรณ์แบบไม่มีจริง!!! เพราะต่อให้เราทำงานบางอย่างออกมาว่าดีแล้ว แต่เราก็ยังพบว่าเราสามารถพัฒนาปรับปรุงงานให้ดีขึ้นได้อีก ก็แสดงว่าความสมบูรณ์ไม่มีจริง ที่มีจริงๆ คือ เรียนรู้และปรับปรุงให้ดีขึ้น การลงมือทำไปก่อนเลยจากตอนนี้ที่เป็นไปได้จากนั้นเรียนรู้ที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นในทุกวันคือสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นคนที่ฉุกคิดได้เขาจะเลิกสนใจเกี่ยวกับความสมบูรณ์และหันมาลงมือทำและปรับปรุงไปเรื่อยๆ การรอความสมบูรณ์จะนำไปสู่การสะสมสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว แถมการรอความสมบูรณ์แบบนี้ยังทำให้มีนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งตามมาอีกด้วย 4. ขาดความมั่นใจ หลายคนติดเรื่องนี้ การขาดความมั่นใจทำให้เราไม่ตัดสินใจลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ เบื้องหลังของการขาดความมั่นใจอาจมาจากสิ่งนั้นเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน เคยล้มเหลวและมีประสบการณ์แย่ๆ มาก่อน กลัวโน่นกลัวนี้ ซึ่งทั้งหมดต้องหันมาเปลี่ยนที่วิธีการคิดค่ะ การทำสิ่งใหม่ๆ คือการเรียนรู้ของเรา ในครั้งแรกจะยากเสมอแต่ถ้าเราทำบ่อยขึ้นเราจะพัฒนาขึ้นและดีขึ้น ในความเป็นจริงการที่เราไม่ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำนั้นบางครั้งไม่ได้เกี่ยวกับความฉลาด!! เพราะคนโง่คนหนึ่งสามารถเก่งขึ้นพัฒนาขึ้นจากการทำซ้ำทำเรื่อยๆ ทำตลอดจึงสามารถดีขึ้นเก่งขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้นการหันมาเปลี่ยนความเชื่อเกี่ยวกับตัวเองจะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น เช่น เชื่อว่าตัวเราทำได้ เชื่อว่าเรามีความรู้ความสามารถที่จะลงมือทำสิ่งที่เราอยากทำได้ ในบางครั้งต้องหยุดที่เสพเอาความเชื่อลบๆ เกี่ยวกับตัวเองมา เช่น เพื่อนเราอาจพูดว่า "แกจะทำได้หรือฉันเห็นคนที่ทำงานยังไม่รอดเลย" การไปรับเอาข้อมลชุดนี้มาจะทำให้ความคิดถูกตีกรอบและเราจะมีความเชื่อว่าเราเราทำไม่ได้หรอกสุดท้ายก็เลยไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เราต้องมองใหม่ว่าคนที่พูดว่าเราทำไม่ได้จริงๆ แล้วเรามองเหตุการณ์จากกรอบความคิดของเรา ผ่านแว่นตาของเขา ก็คล้ายกับว่าเขาพูดให้ตัวเองว่าเขาจะทำไม่ได้หรอก ซึ่งถ้าในครั้งต่อไปถ้ามีคนพูดแบบนี้อีกไม่ต้องไปใส่ใจอาจจะตอบไปว่า "เดี๋ยวรอดูแล้วกันจะทำให้ดู" การหันมาเชื่อและมองเห็นด้านดีของตัวเองส่งผลให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นและนำไปสู่การลงมือทำในสิ่งอยากทำ จึงต้องระวังมากๆ ว่าตอนนี้เราเชื่อเกี่ยวกับตัวเองว่ายังไง!! คนอื่นเชื่อเกี่ยวกับตัวเราว่าอย่างนั้นอย่างนี้ไม่สำคัญเท่าตัวเราเชื่อเกี่ยวกับตัวเองยังไงเพราะมีผลต่อการลงมือทำหรือไม่ลงมือทำ!!!5. มีนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง การมีนิสัยอย่างหนึ่งเกิดจากการทำซ้ำๆ และการจะเลิกมีนิสัยหนึ่งได้ก็ต้องหยุดทำซ้ำๆ จึงจะทำให้นิสัยนั้นหายไป ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่พูดไว้เกี่ยวกับนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง ในหนังสือเล่มนั้นให้ข้อมูลว่า เบื้องหลังของนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เราเอาความสนใจส่วนใหญ่ไปอยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ ที่สิ่งสนุกๆ สิ่งที่ไม่ต้องคิดเยอะสะสมทุกวันๆ จนทำให้เราเลี่ยงไม่ทำในสิ่งที่อยากทำ การจะเลิกนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งได้ ต้องเริ่มจากการเพิ่มนิสัยการลงมือทำ การลงมือในบางอย่างอาจเริ่มจากขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งของเรื่องนั้นๆ ก่อนก็ได้ แล้วค่อยๆ ขยับไปขั้นตอนอื่นในวันหลัง หมายถึงให้ซอยย่อยงานของสิ่งที่เราอยากทำออกเป็นหลายๆ งาน แล้วเราก็เริ่มมองเห็นว่ามันง่ายขึ้นจึงทำให้เราเริ่มลงมือทำทีละงานๆ สุดท้ายสิ่งที่เราอยากทำก็สำเร็จได้เหมือนกัน โดยที่ไม่ต้องรอให้ทำทุกอย่างทีเดียวในเวลาหนึ่ง เพราะการผลัดวันประกันพรุ่งมักเกิดจากว่าสิ่งนั้นยากเกินไปมีหลายขั้นตอนเกินไปจึงทำให้เราไม่ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ!!6. ไม่อยู่กับปัจจุบัน ส่วนใหญ่พอเราเอาเวลาในตอนนี้ไปคิดถึงอดีตและอนาคตว่าสิ่งที่เราอยากทำแต่ยังไม่ได้ทำจะเป็นยังไง ที่ผ่านมาเป็นยังไงเลยทำให้เรากลัว เพราะส่วนใหญ่เราจะคิดถึงด้านลบของสิ่งที่เราอยากทำแต่ยังไม่ลงมือ พอเริ่มจากการคิดเห็นว่าจะมีอะไรลบๆ เกิดขึ้นบ้างเราจึงเลี่ยงที่จะไม่ทำในสิ่งที่อยากจนในที่สุด การหันมาใช้เวลาในตอนนี้อยู่กับปัจจุบัน สนุกกับการลงมือในตอนนี้โดยยังไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าผลลัพธ์ในอนาคตจะเป็นยังไง เพราะต่อให้มีปัญหาเกิดขึ้นหรือผลไม่ได้ดั่งที่ตั้งใจไว้เราก็ยังสามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้อยู่ดี แล้วแบบนี้จะไปเสียเวลาในปัจจุบันไปทำไม ในบางครั้งการไม่อยู่กับปัจจุบันทำให้เราไม่ลงมือทำเพราะเราจะต้องไม่ได้รับผิดชอบกับผลที่จะเกิดขึ้นเราเลยเลี่ยงมาตลอด แต่ทุกคนมีหน้าที่แสดงรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง การลงมือทำในสิ่งที่เราอยากทำจะมีสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบตามมาก็ถูกต้องแล้ว เพราะนั่นคือการเรียนรู้ของเรา หรือไม่จริง!? 7. ไม่จัดลำดับความสำคัญ ในแต่ละวันที่เราใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปเรื่อยๆ ในบางวันก็มีหลายอย่างให้เราต้องทำทั้งเรื่องของตัวเองและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นจึงทำให้เรายุ่งๆ และถ้าเราไม่เอาสิ่งที่เราอยากทำมาจัดลำดับความสำคัญก็ง่ายมากที่เราจะไม่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ การจัดลำดับความสำคัญจะช่วยตีกรอบว่าเราต้องทำในสิ่งที่เราอยากทำตอนไหนวันไหน และเมื่อจัดลำดับความสำคัญแล้วก็ต้องลงมือทำด้วยนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไปติดสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เราไม่ลงมือทำสักทีอีก เช่น เราจะกลายเป็นคนมีนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งตามมา การจัดลำดับความสำคัญให้ดูตัวเองเป็นหลักยังไม่ต้องไปยึดทฤษฎีอะไรมาก เดี๋ยวจะยากไปอีกพอยากก็จะทำให้ไม่อยากจัดลำดับความสำคัญตามมาอีก!!!8. ผลเสียยังไม่เกิดขึ้น สำหรับสาเหตุในข้อนี้เป็นอีกข้อที่ทำให้เราไม่ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำสักที ซึ่งผู้เขียนขอยกตัวอย่างเพื่อทำให้มองเห็นภาพได้ชัดมากขึ้นค่ะ เช่น หลายคนพอปีใหม่มาตั้งเป้าหมายจะขอมีหุ่นสวยๆ ในปีนี้ แต่จะเข้าเดือนกุมภาพันธ์แล้วก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรที่จะทำให้มีหุ่นดีตามที่ตั้งใจไว้เลย เพราะอะไรเพราะว่าผลเสียยังไม่เกิดขึ้น!!!! เคยได้ยินคนที่เขามาแชร์ประสบการณ์ไหมค่ะที่ว่ามาหุ่นดีตอนแฟนทิ้งไปแล้ว ตอนอยู่กับแฟนไม่เคยทำ!! หรือพอหมอบอกว่าเราจะใช้ชีวิตได้อีกไม่ถึงปี จากนั้นเราก็หันมาดูแลสุขภาพยกใหญ่ทำทุกอย่างที่ทำได้บางอย่างไม่เคยทำก็ยังทำ!!! เพราะอะไร!!?เพราะผลเสียมันเกิดขึ้นเราเลยเห็นความสำคัญเห็นความฉุกเฉินเห็นความเร่งด่วน และที่เราไม่ทำในสิ่งที่อยากทำสักทีก็เพราะผลเสียยังไม่เกิดขึ้นนั่นเอง ไม่ใช่ทุกคนไม่รู้ว่าถ้าสูบบุหรี่ผลสุดท้ายต่อสุขภาพจะเป็นยังไง ทุกคนรู้กันหมดแต่เป็นเพราะผลเสียยังไม่เกิดขึ้น ความฉุกเฉินและเป็นปัญหายังไม่เกิดขึ้นเราเลยไม่เลิกสูบบุหรี่ อย่ารอให้ผลเสียเกิดก่อนแล้วจึงคิดว่าต้องทำอะไรค่ะ เพราะในบางครั้งโอกาสที่จะได้มาแก้ตัวอาจริบหรี่ก็ได้ หลายคนนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลและตั้งใจว่าออกจากโรงพยาบาลจะดูแลสุขภาพ บางคนก็ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้แต่บางคนก็ได้แต่คิดเท่านั้น!!! การหันมาดูสุขภาพตัวเองไม่ใช่เพียงแค่ว่าเพื่อทำให้การเกิดของโรคต่างๆ ทุเลาลงเท่านั้น! แต่ในภาวะปกติการหันมาดูแลสุขภาพตัวเองคือการส่งเสริมสุขภาพที่ทุกคนต้องทำ!และนั่นคือ 8 สาเหตุที่เป็นต้นตอของ "ทำไมรู้แต่ไม่ทำ ในสิ่งที่อยากทำ" ลองพิจารณาดูค่ะว่าเราติดตรงไหน อะไรกันแน่ที่ทำให้เราไม่ตัดสินใจลงมือทำในสิ่งที่อยากทำสักที แล้วลองเปลี่ยนใหม่แก้ไขทุกสาเหตุที่ทำให้เราไม่ลงมือทำสักที อาขเป็นไปได้ว่าทั้งหมดเกิดจากความเชื่อและความคิดของเรา ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ให้แก้ไขที่ความเชื่อและความคิดของเราค่ะ ในบางครั้งการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ข้อมูลข่าวสารที่เราเสพก็มีผลโดยตรงต่อการจะลงมือทำหรือไม่ลงมือทำด้วย จึงควรปรับแก้ให้รอบด้านจะดีที่สุดค่ะ ปกติสำหรับผู้เขียนนั้นก็มีบางที่หลงลืมว่ามีสาเหตุเหล่านี้อยู่เบื้องหลังแต่พอได้เรียนรู้มากขึ้น พัฒนาตัวเองมากขึ้นก็พบว่าทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของเราค่ะ การตัดสินใจนำไปสู่การลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ ที่เรายังไม่ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะมีสาเหตุทั้ง 8 สาเหตุมาทำให้เราไม่ตัดสินใจ!!!!!เครดิตภาพประกอบบทความโดย: ผู้เขียนภาพหน้าปก จาก Tumisu/Pixabayออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaภาพประกอบเนื้อหาจาก: ภาพที่ 1 จาก Ramdlon/Pixabay, ภาพที่ 2 จาก geralt/Pixabay, ภาพที่ 3 จาก Jessica Lewis Creative/Pexels, ภาพที่ 4 จาก mohamed_hassan/Pixabayบทความอื่นที่น่าสนใจ❇️ข้อดีที่ควรลองทำอะไรใหม่ๆ ในชีวิต ที่คุณอ่านไม่เคยรู้!! กดอ่านเลย✅️วิธีเปลี่ยนตัวเองให้มีนิสัยใหม่ที่ได้ผล! จาก TEDx Talks กดอ่านเลย✅️ยาแก้โรคผลัดวันประกันพรุ่ง กฎ 5 วินาที คุณเอามารักษาตัวเองหรือยัง!? กดอ่านเลย✅️อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !