ตลท.เผยธุรกิจครอบครัว เข้าตลาดดันมาร์เก็ตแคป

ตลท.เผยธุรกิจครอบครัวเข้าตลาดดันมาร์เก็ตแคปษัทแห่เข้าตลาดหุ้น ชูมาร์เก็ตแคปรวมกันกว่า 8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 43% ของมูลค่ามาร์เก็ตแคปทั้งหมดในปัจจุบัน พร้อมเดินหน้าผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวมีการเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยในงาน “The 1st SET International Conference on Family Business: Family Business in the Changing World” ถือเป็นการจัดขึ้นเพื่อตอกย้ำให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของธุรกิจครอบครัว ซึ่งช่วยสนับสนุน สร้างกลไก และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ให้ธุรกิจครอบครัวมีการเติบโตได้อย่างเข้มแข็งในอนาคต
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่เป็นธุรกิจครอบครัวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประมาณ 451 บริษัท หรือคิดเป็นสัดส่วน 57% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) รวมกันประมาณ 8 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 43% ของมูลค่ามาร์เก็ตแคปทั้งหมดใน รวมถึงในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา (นับจากปี 2559-2565) พบ 70% ของหุ้นไอพีโอมาจากการเติบโตของธุรกิจครอบครัว
สู่การเติบโต
ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นธุรกิจครอบครัวจะอยู่ที่ประมาณ 34 ปี และหลายบริษัทมีผู้บริหารที่เป็นทายาทรุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าบริษัทจดทะเบียน กลุ่มดังกล่าวเติบโตได้ดีทั้งในส่วนรายได้และกำไรในอัตรา 39% และ 40% ตามลำดับ ขณะที่บริษัท ที่เป็นธุรกิจครอบครัวมีอัตราการจ้างงานกว่า 920,000 อัตรา หรือคิดเป็น 53% ของบจ.ทั้งหมดในตลาด และมีจำนวน 86 บริษัทที่มีรายชื่ออยู่ในหุ้นยั่งยืนหรือ THAILAND SUSTAINABILITY INVESTMENT (THSI)
อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่าสถิติพบว่ากว่า 90% ของธุรกิจครอบครัวไม่สามารถส่งผ่านธุรกิจไปถึงทายาทรุ่นที่ 3 เพราะมองว่าปัญหาการส่งผ่านธุรกิจครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย และมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจครอบครัวเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากปัจจัยภายใน อาทิ เรื่องของการวางแผนการสืบทอดธุรกิจ การจัดโครงสร้างหรือการสร้างความเข้าใจระหว่างสมาชิกในครอบครัวในการบริหารธุรกิจและบริหารความมั่งคั่งในครอบครัว รวมถึงให้ความสำคัญกับประเด็นด้าน ESG
ส่งเสริมต่อยอด
ดังนั้น การส่งเสริมความรู้การบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และรักษาธุรกิจให้อยู่รอดไปอีกหลายรุ่น จึงเป็นประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ
ตลาดหลักทรัพย์เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างเป็นระบบ จึงร่วมกับพันธมิตรยกระดับการพัฒนา
ศักยภาพธุรกิจครอบครัว ทั้ง Ecosystem โดยจะต่อยอดจากองค์ความรู้ที่ทำให้กับธุรกิจ SMEs และ Startup ภายใต้โครงการ “ห้องเรียนผู้ประกอบการ”
ทางด้าน ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและหัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่าสถิติที่ผ่านมาพบว่าธุรกิจครอบครัวมักส่งผ่านทายาทไม่เกิน 3 รุ่น ซึ่งรุ่นแรกถือเป็นรุ่นก่อสร้างธุรกิจ และรุ่นที่ 2 เป็นรุ่นต่อยอดธุรกิจ ส่วนรุ่นที่ 3 มักเป็นจุดสิ้นสุด จึงเป็นโจทย์สำคัญที่จะทำอย่างไรให้ธุรกิจครอบครัวมีการเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถส่งผ่านธุรกิจไปได้ถึงรุ่นที่ 3
ดังนั้นจึงต้องผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวมีการเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถใช้ประโยชน์จากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ดีสำหรับกลุ่มธุรกิจครอบครัวที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม พาณิชย์ การแพทย์ และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นต้น