"สไนเปอร์ยูเครน" ยิงไกลทำลายสถิติโลก 4 กิโลเมตร สังหารทหารรัสเซียโดยใช้โดรนและ AI เป็นตัวช่วย

สไนเปอร์ยูเครนประกาศสร้างสถิติโลกครั้งใหม่ในการยิงซุ่มสังหารเป้าหมาย โดยมือปืนในหน่วยซุ่มยิงพิเศษ “Pryvyd” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Ghost” หรือ "หน่วยทหารผี" ยิงกระสุนนัดเดียวจากระยะ 2.5 ไมล์ หรือ 4 กิโลเมตร สังหารทหารรัสเซียได้ 2 นาย ในการยิงนัดเดียว นับเป็นระยะการยิงที่ไกลที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้ในสนามรบ

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ใกล้เมืองโปครอฟสค์ (Pokrovsk) ในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบทางตะวันออกของยูเครน ภาพจากวิดีโอที่กองทัพยูเครนเผยแพร่ แสดงให้เห็นกระสุนพุ่งผ่านหน้าต่าง ก่อนจะทะลุเข้าไปโดนทหารรัสเซียที่หลบซ่อนอยู่ด้านใน

ยูริ บุตูซอฟ (Yuriy Butusov) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของยูเครน ยืนยันในรายงานว่า “การยิงครั้งนี้เกิดขึ้นโดยใช้อาวุธสไนเปอร์รุ่น ‘Alligator’ ขนาด 14.5 มิลลิเมตร ที่ผลิตในประเทศ พร้อมระบบควบคุมด้วยปัญญาประดิษฐ์  AI และการสนับสนุนจากโดรน”

สไนเปอร์ยิงไกลทำลายสถิติเดิมของโลก

ก่อนหน้านี้ สถิติการยิงไกลที่สุดอยู่ที่ 4,156 หลา หรือ 3.8 กิโลเมตร ซึ่งทำโดยมือปืนชาวยูเครนวัย 58 ปี สังกัดหน่วยความมั่นคง SBU เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 โดยใช้อาวุธไรเฟิลรุ่น “Lord of the Horizon”

ส่วนสถิติโลกที่คนทั่วไปจดจำได้ก่อนหน้านั้น เกิดขึ้นในปี 2017 ที่อัฟกานิสถาน โดยมือปืนจากกองกำลังพิเศษแคนาดา (JTF-2) ซึ่งยิงสังหารเป้าหมายในระยะ 2.20 ไมล์ หรือ 3.54 กิโลเมตร

การยิงล่าสุดของยูเครนจึงถือเป็นการยืนยันศักยภาพของนักซุ่มยิงยุคใหม่ ที่ผสมผสานทักษะของมนุษย์เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง AI และโดรนในสนามรบ

อาวุธปืนสไนเปอร์ “Alligator”

อาวุธที่ใช้สร้างสถิติครั้งนี้ คือ ปืนไรเฟิลซุ่มยิง Alligator ขนาด 14.5 มม. ผลิตโดยบริษัท XADO-Holding เมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นอาวุธแบบป้อนกระสุนจากแม็กกาซีน มีความเร็วปากกระบอกกระสุนระหว่าง 3,215–3,281 ฟุตต่อวินาที

ผู้ผลิตเคยระบุไว้ตั้งแต่ปี 2021 ว่าปืนไรเฟิลซุ่มยิง Alligator ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายยุทโธปกรณ์ เช่น รถหุ้มเกราะหรืออุปกรณ์สื่อสาร มากกว่าจะใช้กับกำลังพล และมีระยะยิงที่มีประสิทธิภาพประมาณ 1.2 ไมล์ หรือ 1.9 กิโลเมตร เท่านั้น แต่การทดสอบในสนามรบครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่าอาวุธดังกล่าวมีขีดความสามารถที่เหนือกว่าที่เคยประเมินไว้

ความหมายเชิงยุทธศาสตร์

การทำลายสถิติการยิงในครั้งนี้ ไม่เพียงแสดงถึงความสามารถของหน่วยซุ่มยิงยูเครน แต่ยังตอกย้ำถึงบทบาทของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในสงครามยุคปัจจุบัน การใช้ปัญญาประดิษฐ์ AI ร่วมกับโดรนช่วยให้สามารถคำนวณระยะ ความเร็วลม และวิถีกระสุนได้แม่นยำยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพของนักแม่นปืนในสมรภูมิจริง

สถิตินี้จึงอาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนว่าการรบสมัยใหม่ กำลังเปลี่ยนผ่านจากทักษะเฉพาะตัวของทหาร ไปสู่การผสมผสานระหว่าง “คน + เทคโนโลยี” ที่ทำงานประสานกันอย่างไร้รอยต่อ