ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะเล็กๆที่ล้อมรอบด้วยทะเลรอบด้าน เป็นหนึ่งในประเทศเอเชียไม่กี่ประเทศที่ขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจและเป็นผู้นำเศรษฐกิจในสายตาสากลโลก มาตามดูเรื่องแปลกๅในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นกันดีกว่า1. การกินเนื้อเป็นเรื่องผิดกฏหมาย เริ่มตั้งแต่กลางศตวรรษที่17 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกคำสั่งห้ามกินเนื้อ และการกินเนื้อก็ผิดกฏหมายมาเป็นเวลานานมากกว่า 1,200 ปี อาจได้รับอิทธิพลจากหลักคำสอนทางพุทธศาสนา จักรพรรดิเทนมูได้ออกพระราชกฤษฎีกาเมื่อปี 675 ว่าห้ามรับประทานเนื้อวัว ลิง และสัตว์เลี้ยง คนทำผิดต้องโทษประหารชีวิตกฎหมายเดิมมีไว้เพื่อให้ปฏิบัติตามระหว่างเดือนเมษายนถึงกันยายนเท่านั้น แต่ต่อมากฎหมายและหลักปฏิบัติทางศาสนาทำให้การกินเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเนื้อวัว ผิดกฎหมาย การเข้ามาของมิชชันนารีคริสเตียนเริ่มเป็นที่นิยมในการกินเนื้อสัตว์อีกครั้ง แม้ว่าจะมีการประกาศห้ามอีกครั้งในปี พ.ศ. 2230ชาวญี่ปุ่นบางคนยังคงกินเนื้อสัตว์ต่อไป ภายในปี พ.ศ. 2415 ทางการญี่ปุ่นได้ยกเลิกการห้ามอย่างเป็นทางการและแม้แต่จักรพรรดิก็กลายเป็นคนกินเนื้อ 2. ซามูไรทดสอบฝีมือดาบโดยใช้ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาเป็นเหยื่อ ในยุคกลางของญี่ปุ่น ดาบหักและการไม่สามารถฟันศัตรูได้ในครั้งเดียวถือเป็นเรื่องน่าอับอายในฐานะซามูไร สมัยนั้นซามูไรต้องรู้คุณภาพของอาวุธ และดาบใหม่ทุกเล่มที่เขาได้รับ ต้องผ่านการทดสอบก่อนที่จะออกรบ ซามูไรมักจะฝึกฝนร่างกายและจิตใจกับศพของมนุษย์ แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่เรียกว่าซึจิกิริซึ่งเป้าหมายคือคนธรรมดาทั่วไปที่ถูกพบว่าเดินอยู่บนทางแยกในตอนกลางคืน เหตุการณ์สึจิกิรินั้นไม่ค่อยเกิดขึ้น แต่ในที่สุดมันก็กลายเป็นปัญหาจนทางการต้องห้ามในปี 1602 รายงานฉบับหนึ่งจากยุคเอโดะ (1603–1868) บรรยายถึงช่วงปีแรกๆ ของยุคนั้นว่าผู้คนถูกฆ่าตายในสึจิกิริทุกคืน 3. หัวหน้าเรือรบหน่วยปฏืบัติการกามิกาเซ่สำนึกและชดใช้ความผิดด้วยการฆ่าตัวตาย ภายในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 พลเรือโททากิจิโร โอนิชิ เชื่อว่าวิธีเดียวที่ญี่ปุ่นจะชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คือต้องผ่านปฏิบัติการกามิกาเซ่อันโด่งดัง การโจมตีฆ่าตัวตายโดยนักบินชาวญี่ปุ่นจะชนเครื่องบินของพวกเขาเข้าในเรือของฝ่ายสัมพันธมิตร โอนิชิหวังว่าการโจมตีที่น่าตกใจจะทำให้สหรัฐฯ ตกใจ ทำให้พวกเขาเลิกทำสงคราม อันที่จริงเขาสิ้นหวังมากจนบอกว่าเขาเต็มใจเสียสละชีวิตชาวญี่ปุ่น 20 ล้านชีวิตเพื่อชัยชนะ หลังจากได้ยินการยอมจำนนของจักรพรรดิฮิโรฮิโตะในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 โอนิชิรู้สึกท้อแท้กับนักบินกามิกาเซ่หลายพันคนที่เขาเสียสละ เขาคิดว่าการชดใช้ที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวคือการฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ในบันทึกการฆ่าตัวตายของเขา เขาขอโทษต่อ “วิญญาณของผู้เสียชีวิตและครอบครัวที่เสียชีวิตของพวกเขา” และขอร้องให้คนหนุ่มสาวของญี่ปุ่นทำงานเพื่อสันติภาพของโลกจริงๆเพื่อนๆต่างชาติหลายๆคนก็บอกมาว่าสิ่งที่แปลกที่สุดในประเทศญี่ปุ่นก็คือคนญี่ปุ่นเอง จริงๆประวัติศาสตร์และเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับชีวิตของมนุษย์ยุคนั้นก็แปลกกันทั้งนั้นเพราะเราไม่ได้เกิดในยุคนั้นเราไม่ได้มีวิถีชีวิตหรือแนวคิดของคนยุคนั้น หากคนในอีก 500 ปี ต่อมามาเกิด และหากมีบันทึกหลงเหลือและมองกลับมา เขาก็คงคิดว่าคนจากยุคผู้เขียนเป็นคนที่แปลกเหมือนกัน ผู้เขียนคงใช้ชีวิตที่ไม่มีเนื้อให้กินไม่ได้และคงไม่คิดว่าซามูไรทุกคนจะมีเกียรติกล้าหาญหรือเป็นคนดีอะไร คนญี่ปุ่นเป็นคนที่จริงจังและมุ่งมั่นจนบางครั้งก็ดูแปลกและอิหยังวะในสายตาผู้เขียนจบไปแล้วนะคะกับบทความที่ผู้เขียนหยิบมาเขียนใครมีเรื่องราวอะไรที่อยากเล่าหรือความคิดเห็นยังไงก็คอมเมนท์เข้ามาได้เลย ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canvaรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 โดย Kanenori/ pixabayอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !