Shining Tears... แค่เอ่ยชื่อนี้ ภาพคริสตัลที่เปล่งประกายระยิบระยับตัดกับฉากหลังของสายฝนโปรยปรายก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพ เกม Action RPG สุดคลาสสิกเกมนี้เคยเป็นเพียงแค่ชื่อที่ผ่านตาผมไปมาบนชั้นวางเกมในสมัย PlayStation 2 อาจเป็นเพราะตอนนั้นยังเด็ก สนใจแต่เกมแอคชั่นตูมตาม หรือเกม RPG ฟอร์มยักษ์ เลยมองข้ามเกมนี้ไปอย่างน่าเสียดาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีพัฒนา ผมได้มีโอกาสกลับมาสัมผัส Shining Tears อีกครั้งผ่าน Emulator และนั่นทำให้ผมรู้ว่า ตัวเองพลาดอะไรดีๆ ไปอย่างมหันต์ Shining Tears ไม่ใช่แค่เกมแอคชั่นธรรมดา แต่มันคือโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของมิตรภาพ ความรัก การต่อสู้ ตัวละครที่มีเสน่ห์ และระบบการเล่นที่แม้จะดูเรียบง่ายในตอนแรก แต่กลับซ่อนความลึกซึ้ง และกลไกที่น่าสนใจไว้มากมาย เนื้อเรื่อง: ปริศนาแห่งอดีตและโชคชะตาที่รอคอย เรื่องราวใน Shining Tears เริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่ชวนติดตาม Xion เด็กหนุ่มผมสีเงินผู้สูญเสียความทรงจำ ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นอยู่บนชายหาด เขาได้รับความช่วยเหลือจาก Elwyn หญิงสาวเผ่าเอลฟ์ผู้มีจิตใจงดงาม และได้เข้าร่วมกับกลุ่ม Weissritter กลุ่มนักรบรับจ้างที่รับหน้าที่ปกป้องอาณาจักร Halgita แต่ความสงบสุขก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อสงครามระหว่าง Halgita และอาณาจักร Lorwyn ปะทุขึ้น Xion และผองเพื่อนจึงต้องเข้าไปพัวพันกับวังวนแห่งความขัดแย้งนี้โดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ทำให้ผมหลงใหลในเนื้อเรื่องของเกมนี้คือการเล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ปมปริศนาต่างๆ ถูกทิ้งไว้เป็นระยะ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่หายไปของ Xion ที่มาที่ไปของวงแหวน Twin Dragon Rings หรือเบื้องหลังของสงครามระหว่างสองอาณาจักร ล้วนค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา ทำให้เราอยากติดตาม อยากรู้จุดจบของเรื่องราว นอกจากนี้ ตัวละครแต่ละตัวยังถูกออกแบบมาอย่างมีมิติ มีความเป็นมนุษย์ มีทั้งด้านดีและด้านมืด ไม่ใช่แค่ตัวละครแบบขาวดำ ตัวอย่างเช่น Mawdryn แม่ทัพแห่ง Lorwyn ที่ในตอนแรกดูเหมือนจะเป็นตัวร้าย โหดเหี้ยม ไร้หัวใจ แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ เราจะได้เห็นเบื้องหลังของเขา ได้รู้ว่าเขามีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง มีความรัก และความภักดีต่อแผ่นดินเกิด ตัวละครแบบนี้แหละที่ทำให้เนื้อเรื่องของ Shining Tears มีความน่าสนใจ และสมจริง ระบบการเล่น: Action RPG ที่ผสมผสานกลยุทธ์และความสัมพันธ์ Shining Tears นำเสนอระบบการเล่นแบบ Action RPG ที่เราสามารถควบคุมตัวละครหลัก (ในที่นี้คือ Xion) พร้อมกับออกคำสั่งให้คู่หู AI ช่วยต่อสู้ ระบบการต่อสู้เน้นการผสมผสานท่าโจมตี การใช้ไอเทม และที่สำคัญคือ "Partner Skill" ซึ่งเป็นท่าไม้ตายที่ต้องร่วมมือกันระหว่างสองตัวละคร อย่างเช่น ท่า "Dragon Dive" ของ Xion และ Elwyn ที่ Xion จะกระโดดขึ้นฟ้า แล้ว Elwyn จะร่ายเวทมนตร์ เสกมังกรน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่ศัตรู สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง เป็นท่าไม้ตายที่ทั้งรุนแรงและสวยงาม ตอนเริ่มเล่นใหม่ๆ ผมรู้สึกว่าเกมค่อนข้างง่าย แค่กดปุ่มโจมตีรัวๆ ศัตรูก็ตายแล้ว แต่พอเล่นไปสักพัก ศัตรูก็เริ่มเก่งขึ้น มีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลาย บางตัวก็โจมตีระยะไกล บางตัวก็มีเกราะป้องกัน ทำให้เราต้องคิดแผนมากขึ้น ต้องรู้จักหลบหลีก ใช้ไอเทม และเลือกใช้ Partner Skill ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในระบบต่อสู้ของเกมนี้คือ Link Gauge ซึ่งเป็นค่าที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ยิ่งเราต่อสู้เคียงข้างกับคู่หูคนใดมากเท่าไหร่ Link Gauge ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้พลังโจมตีของคู่หูนั้นแรงขึ้น ปลดล็อค Partner Skill ใหม่ๆ และที่สำคัญคือ ทำให้เราได้เห็นฉากสนทนาพิเศษระหว่างตัวละคร ที่เผยให้เห็นถึงความรู้สึก และความสัมพันธ์ของพวกเขา ผมจำได้ว่าตอนเล่น ผมพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง Xion กับ Kaguya ให้ถึงระดับสูงสุด เพราะฉากสนทนาของทั้งคู่มักจะน่ารัก กุ๊กกิ๊ก และตลก ทำให้เกมนี้มีสีสันมากขึ้น กราฟิกและเสียง: โลกแห่งแฟนตาซีที่งดงาม สำหรับเกมที่ออกมาในยุค PlayStation 2 ผมต้องยอมรับว่ากราฟิกของ Shining Tears ยังคงดูดี ไม่ตกยุค งานออกแบบตัวละครโดย Tony Taka ศิลปินชื่อดัง ทำให้ตัวละครแต่ละตัวดูมีเอกลักษณ์ สวยงาม และน่าจดจำ โดยเฉพาะตัวละครหญิงในเกม รวมถึงฉากต่างๆ ภายในเกมก็มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมือง ป่า ทะเลทราย ภูเขาหิมะ หรือดันเจี้ยนใต้ดิน ล้วนถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม รายละเอียดของฉาก แสงเงา ก็ทำออกมาได้ดี เพลงประกอบก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ขาดไม่ได้ เพลง "Shining Tears" ที่เป็นเพลงธีมหลักของเกม เพราะจับใจมาก ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น เศร้า และมีความหวัง เหมือนกับชื่อของเกม ส่วนเพลงประกอบฉากต่อสู้ก็ทำได้ดี มีทั้งเพลงเร็วๆ เพลงเร้าใจ ช่วยเพิ่มอารมณ์ในการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ผมจำได้ว่าตอนเล่น ผมเปิดเพลงประกอบเกมนี้คลอไปด้วยตลอดเลย เพราะมันช่วยสร้างบรรยากาศ และทำให้ผมอินกับเกมมากขึ้น สิ่งที่ประทับใจ เนื้อเรื่องที่ทำให้เราอินไปกับตัวละคร: Shining Tears ไม่ได้มีแค่ฉากต่อสู้เท่านั้น แต่ยังมีฉากดราม่า ฉากโรแมนติก และฉากตลก สอดแทรกเข้ามาตลอดทั้งเกม ตัวละครแต่ละตัวก็มีปมหลัง มีเรื่องราวของตัวเอง ทำให้เราผูกพัน และรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว ระบบ Link Gauge ที่เพิ่มมิติให้กับเกมเพลย์: การที่เกมมีระบบที่ส่งเสริมให้เราเล่นกับคู่หูหลากหลายคน ทำให้เราได้เห็นมุมมอง และความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การเล่นเกม ไม่ใช่แค่การเดินหน้า ฆ่ามอนสเตอร์ แต่ยังมีเป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นๆ ฉากจบที่มีให้เลือกหลายแบบ: การกระทำของเราในระหว่างเกม เช่น การเลือกตอบคำถาม หรือการเลือกคู่หู ส่งผลต่อฉากจบ ทำให้เราอยากเล่นเกมซ้ำหลายๆ รอบ เพื่อดูฉากจบทั้งหมด สิ่งที่อยากให้ปรับปรุง ความยากของเกมที่ไม่สมดุล: บางช่วงของเกม เช่น ช่วงแรกๆ อาจจะง่ายเกินไป ศัตรูอ่อนแอ ไม่ค่อยมีความท้าทาย ในขณะที่บางช่วง เช่น การต่อสู้กับบอสบางตัว ก็ยากเกินไป ต้องใช้เวลา และความพยายามอย่างมากในการเอาชนะ มุมกล้องที่บางครั้งสร้างปัญหา: มุมกล้องของเกมเป็นแบบคงที่ ไม่สามารถหมุนได้อิสระ บางครั้งมุมกล้องก็ซูมเข้า ซูมออก หรือหมุนไปมา ทำให้มองเห็นตัวละคร และศัตรูได้ยาก โดยเฉพาะในพื้นที่แคบๆ หรือในฉากต่อสู้ที่มีศัตรูจำนวนมาก เนื้อเรื่องรองที่ค่อนข้างน้อย: ถึงแม้เนื้อเรื่องหลักจะสนุก น่าติดตาม แต่เนื้อเรื่องรอง หรือ Side Quest ในเกมนี้กลับมีค่อนข้างน้อย และส่วนใหญ่ก็เป็นภารกิจง่ายๆ เช่น การส่งของ หรือการกำจัดมอนสเตอร์ ทำให้ขาดกิจกรรมให้ทำนอกเหนือจากการดำเนินเนื้อเรื่องหลัก สรุป Shining Tears เป็นเกมที่ผมอยากแนะนำให้คนที่ชอบเกม JRPG หรือเกมที่มีเนื้อเรื่องดีๆ ลองเล่นดู ถึงแม้เกมจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% แต่ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว ที่ทำให้ผมประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่กินใจ ตัวละครที่น่าจดจำ ระบบการเล่นที่สนุก และงานภาพและเสียงที่สวยงาม ทั้งหมดนี้ทำให้ Shining Tears เป็นเกมที่ผมเล่นจบแล้ว แต่ก็ยังอยากกลับไปเล่นซ้ำอีก คะแนน: 8.5/10 เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !