9 ผลเสียจากใช้สเปรย์ฆ่าแมลง ในบ้านหรือที่อยู่อาศัย มากเกินไป | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ถ้าพูดถึงยากำจัดแมลงแบบสเปรย์แล้วนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนพอจะนึกภาพออกว่าหน้าตาเป็นแบบไหนนะคะ เพราะในยุคนี้สเปรย์ฆ่าแมลงมีให้เลือกซื้อเยอะมากๆ และสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้นด้วย แต่คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า หากเราเป็นคนที่พอเห็นแมลงแล้วคิดอะไรไม่ออก ก็จับขวดสเปรย์ฆ่าแมลงมาใช้เลยแบบทันควัน ฉีดแล้วฉีดอีก ใช้ในบ้านซ้ำๆ และต่อเนื่องแบบที่ไม่มีโอกาสได้เว้นระยะห่างเลย แบบนี้มีผลเสียค่ะ ซึ่งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นมีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยหลายคนก็งงไปเลยเวลาพูดว่ามีผลเสีย จริงไหมคะ? ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่า ถ้าเรายังทำแบบนั้นอีกต่อไป ซึ่งผู้เขียนหมายถึง การใช้สเปรย์ฆ่าแมลงในบ้านแบบเยอะเกินความจำเป็น จะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง โดยเมื่อคุณผู้อ่านได้อ่านจบแล้ว จะสามารถมองเห็นภาพใหญ่ของเรื่องนี้ได้แบบเข้าใจโดยละเอียด อีกทั้งยังสามารถสร้างความตระหนักและหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นอีกด้วย จะเรียกว่าคิดเยอะขึ้นก่อนกดฉีดสเปรย์ฆ่าแมลงก็ได้ค่ะ และถ้าอยากรู้แล้วว่าจะมีผลเสียอะไรได้บ้าง งั้นเรามาอ่านต่อไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ กับข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. มลพิษทางอากาศ การใช้สเปรย์ฆ่าแมลงในปริมาณมากเกินความจำเป็น ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อแมลงที่เราต้องการกำจัดเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศที่เราหายใจเข้าไปด้วย เพราะสารเคมีที่อยู่ในสเปรย์เมื่อถูกปล่อยออกมาในอากาศ จะกลายเป็นมลพิษทางอากาศที่เรามองไม่เห็น ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อคนเราในระยะยาวได้ ตั้งแต่การระคายเคืองไปจนถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น ซึ่งการเลือกใช้วิธีอื่นในการกำจัดแมลง หรือการใช้สเปรย์เท่าที่จำเป็นจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมและดีต่อตัวเราค่ะ 2. ส่งผลกระทบต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ จริงอยู่ที่สเปรย์ฆ่าแมลงช่วยกำจัดแมลงที่เราไม่ต้องการได้ แต่การใช้ในปริมาณมากๆ โดยไม่ระมัดระวัง ก็เหมือนกับการหว่านแหจับปลาแบบไม่เลือกหน้า นอกจากแมลงที่เป็นศัตรูพืชแล้ว แมลงที่เป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศ เช่น ผึ้งที่ช่วยผสมเกสร หรือแมลงตัวห้ำที่คอยกำจัดแมลงศัตรูพืช ก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย ซึ่งส่งผลเสียต่อสมดุลทางธรรมชาติ และอาจทำให้เราต้องพึ่งพาสารเคมีมากขึ้นในระยะยาว การเลือกใช้วิธีที่เจาะจง หรือการใช้สเปรย์เท่าที่จำเป็นจึงสำคัญ เพื่อรักษาแมลงที่เป็นมิตรในธรรมชาติ 3. เกิดการสะสมในห่วงโซ่อาหาร สารเคมีจากสเปรย์สามารถตกค้างอยู่บนพืช หรือในตัวแมลงที่เราฉีดพ่น เมื่อสัตว์ที่กินพืชหรือแมลงเหล่านั้นเข้าไป สารเคมีก็จะสะสมในร่างกาย และเมื่อสัตว์ที่ใหญ่กว่ามากินสัตว์เหล่านั้นเข้าไปอีกที สารเคมีก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของสัตว์ในลำดับที่สูงขึ้นไปในห่วงโซ่อาหาร รวมถึงอาจส่งผลกระทบมาถึงมนุษย์เราได้เช่นกัน การควบคุมปริมาณการใช้สเปรย์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อป้องกันการสะสมของสารพิษในระบบนิเวศค่ะ 4. ตกค้างบนพื้นผิว คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ การตกค้างของสารเคมีบนพื้นผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นบ้าน เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ของใช้ที่เราสัมผัสอยู่ทุกวัน โดยสารเคมีอาจติดมือเรามาโดยที่เราไม่รู้ตัว และอาจเข้าสู่ร่างกายของเราผ่านการสัมผัสหรือการหยิบจับอาหารโดยไม่ล้างมือให้สะอาด ยิ่งถ้ามีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน พวกเขาก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะสัมผัสและได้รับสารเคมีได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการลดปริมาณการใช้สเปรย์ หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า จึงเป็นวิธีที่เราควรพิจารณาเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านค่ะ 5. ส่งผลต่อคน หลายคนยังไม่รู้ว่า สารเคมีที่อยู่ในสเปรย์สามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการหายใจเอาไอระเหยเข้าไป การสัมผัสผิวหนัง หรือแม้แต่การปนเปื้อนในอาหารที่เรากินเข้าไป อาการที่เกิดขึ้นอาจมีตั้งแต่เล็กน้อย ไปจนถึงอาการที่รุนแรงกว่านั้นในผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ได้รับสารเคมีในปริมาณมาก การลดการใช้สเปรย์ฆ่าแมลง และหันมาใช้วิธีป้องกันแมลงแบบอื่นๆ จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับตัวเราในระยะยาวค่ะ 6. มีผลกระทบต่อระบบนิเวศ การใช้สเปรย์ฆ่าแมลงในปริมาณมากเกินความจำเป็น เปรียบเสมือนการทำลายบ้านหลังใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพราะสารเคมีไม่ได้เลือกทำลายแค่แมลงที่เราไม่ชอบ แต่ยังส่งผลกระทบต่อแมลงและสัตว์อื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแมลงผสมเกสรที่ช่วยให้พืชเติบโต แมลงที่เป็นอาหารของสัตว์อื่น หรือแม้แต่จุลินทรีย์ในดินที่ช่วยในการย่อยสลาย การลดจำนวนของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ลง อาจนำไปสู่ความไม่สมดุลในระบบนิเวศ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ และอาจทำให้เกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงตามมา ดังนั้นการเลือกใช้วิธีการควบคุมแมลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า หรือการใช้สเปรย์เท่าที่จำเป็น จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยรักษาสมดุลของธรรมชาติให้คงอยู่ต่อไปค่ะ 7. ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ การใช้สเปรย์ฆ่าแมลงในปริมาณมากเกินความจำเป็น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผลกระทบในอากาศหรือบนพื้นผิวเท่านั้นนะคะ แต่ยังสามารถก่อให้เกิดปัญหาการปนเปื้อนในแหล่งน้ำได้อีกด้วย เมื่อฝนตกลงมา สารเคมีจากสเปรย์ที่ตกค้างอยู่ตามพื้นดินหรือพืช อาจถูกชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ลำคลอง หรือแม้แต่น้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่เราใช้ในการอุปโภคบริโภค การปนเปื้อนเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ใช้น้ำเหล่านั้นด้วย ซึ่งการควบคุมการใช้สเปรย์ฆ่าแมลงอย่างเหมาะสม และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำ จึงเป็นเรื่องที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งค่ะ 8. เกิดการดื้อยาของแมลง เมื่อเราใช้สเปรย์ฆ่าแมลงซ้ำๆ แมลงที่อ่อนแอจะตายไป แต่แมลงที่แข็งแรงกว่าหรือมีกลไกบางอย่างที่ช่วยให้ทนทานต่อสารเคมีได้ จะสามารถอยู่รอดและขยายพันธุ์ต่อไปได้ ลูกหลานของแมลงกลุ่มนี้ก็จะมีความทนทานต่อสารเคมีนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด สเปรย์ฆ่าแมลงที่เราเคยใช้ได้ผลดี ก็อาจไม่สามารถกำจัดแมลงเหล่านั้นได้อีกต่อไป ทำให้เราต้องหันไปใช้สารเคมีที่แรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและตัวเรามากขึ้นไปอีก การใช้สเปรย์ฆ่าแมลงเท่าที่จำเป็น และการสลับเปลี่ยนชนิดของสารเคมีที่ใช้ หรือใช้วิธีการกำจัดแมลงแบบผสมผสาน จึงเป็นแนวทางที่ยั่งยืนกว่าในระยะยาวค่ะ 9. มีความเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยง สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรัก การใช้สเปรย์ฆ่าแมลงในปริมาณมากๆ ถือเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษค่ะ เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในสเปรย์ส่วนมากไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา ไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กอื่นๆ โดยสัตว์เลี้ยงมีโอกาสที่จะสัมผัสสารเคมีได้ง่ายมากๆ ที่หลายยังมองภาพไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นการเลียขนที่เปื้อนสเปรย์ การเดินเหยียบย่ำ หรือแม้แต่การสูดดมไอระเหยเข้าไปค่ะ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆ ตั้งแต่ระคายเคืองผิวหนัง อาเจียน ท้องเสีย ไปจนถึงอาการทางระบบประสาทที่รุนแรง ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง หรือการหลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์ในบริเวณที่สัตว์เลี้ยงเข้าถึงได้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยของเจ้าตูบค่ะ ก็จบแล้วนะคะ กับผลกระทบที่สามารถเกิดขึ้นได้ จากการที่เราอาจจะเผลอไปใช้สเปรย์ฆ่าแมลงมากเกินความจำเป็น หรือใช้ซ้ำๆ ต่อเนื่อง ใช้แบบอัตโนมัติโดยลืมคิดเยอะไป ซึ่งผลเสียหลายข้อก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเราทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามและเพิกเฉยค่ะ แต่ต้องหันมาให้ความสำคัญและตระหนักมากขึ้นก่อนใช้งาน จริงๆ สเปรย์ฆ่าแมลงผู้เขียนซื้อมาใช้น้อยมากๆ และนับครั้งได้ ที่ลืมไปเลยว่าครั้งสุดท้ายซื้อมาตอนไหน เพราะในขณะที่เขียนบทความนี้เผยแพร่ ก็ไม่ได้มีสเปรย์ฆ่าแมลงอยู่ในบ้านเลยค่ะ เนื่องจากปกติผู้เขียนเลือกที่จะไปจัดการที่ต้นเหตุที่ทำให้มีแมลงต่างๆ ก่อนเสมอ เช่น จัดการขยะ จัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่สามารถล่อให้มีแมลงในบ้าน การทำความสะอาดและจัดเก็บข้าวของในบ้าน ประกอบกับเลือกใช้วิธีอื่นๆ หมุนเวียนสับเปลี่ยนแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ ได้แก่ การใช้ไม้ช็อตไฟฟ้าเพื่อกำจัดแมลง การใช้ควันจากยากำจัดแมลง เป็นต้น และจากที่ความเสียหายในสิ่งแวดล้อม เวลาเกิดขึ้นในวงกว้างแล้ว เราทุกคนได้รับผลกระทบกันหมด ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนให้คนไทยทุกคนหันมาลดการใช้สเปรย์ฆ่าแมลง อย่าใช้ซ้ำๆ และอย่าใช้แบบต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ให้กำจัดและควบคุมแมลงแบบอาศัยหลายวิธีการ แบบธรรมชาติบ้าง และแบบอื่นๆ ที่เป็นไปได้บ้างสลับกนไปค่ะ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย cottonbro studio จาก Pexels และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Zett Foto จาก Pexels, ภาพที่ 2 โดย Vecislavas Popa จาก Pexels และภาพที่ 3-4 โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและจัดการสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน 10 สาเหตุที่ทำให้มีแมลงวัน ในสิ่งแวดล้อม รอบบ้านของเรา 9 ความสำคัญของแมลงในธรรมชาติ ต่อสิ่งแวดล้อม มีอะไรบ้าง แหล่งที่มักพบแมลงสาบ ภายในบ้าน พาหนะนำโรคใกล้ตัว! เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !